ตามหาชายกร่างเมาถ่มน้ำลายใส่ รปภ.โรงพยาบาล จ.อุบลราชธานี
เช้านี้ที่หมอชิต - ญาติคนไข้ที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาล เกิดอาการเมาแล้วอาละวาด โวยวาย บุกเข้ามาจะนำตัวญาติที่มารักษานั้นกลับบ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้าระงับเหตุ แต่กลับถูกชายที่เมาถ่มน้ำลายใส่หน้า ก่อนจะโวยวายและข่มขู่ ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์หนีไป
นี่เป็นคลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ถูกชายอายุประมาณ 45-50 ปี ที่เป็นญาติของคนไข้คนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุ แล้วเข้ามารักษาอาการที่โรงพยาบาล ในช่วงค่ำของวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากในคลิปจะเห็นว่า ชายที่ก่อเหตุมีอาการมึนเมา เข้ามาโวยวาย แล้วพยายามจะพาญาติคนที่บาดเจ็บที่กำลังนอนดูอาการอยู่นั้นกลับบ้าน แต่ทางแพทย์นั้นยังไม่ได้อนุญาตให้กลับ แต่ชายคนที่ก่อเหตุก็พยายามพาญาติออกไปจากโรงพยาบาลให้ได้ ทั้งพยายามกระชากสายน้ำเกลือญาติออก จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่แพทย์ที่เข้าเวรในขณะนั้น ต้องมาเจรจาเพื่อขอให้ออกจากพื้นที่ของโรงพยาบาล แต่ด้วยอาการมึนเมา ทำให้ชายคนดังกล่าวนั้นไม่พอใจ จึงได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึง 2 ครั้ง ตามคลิปที่ปรากฏ จากนั้นก็มีชายอีก 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์มารับตัวผู้ก่อเหตุออกไปจากโรงพยาบาล พร้อมตะโกนข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในลักษณะว่าจะกลับมารังควานอีก
จากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ไปแจ้งความที่ สภ.วารินชำราบ ก็ได้สอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ที่โรงพยาบาลมีเหตุในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ล่าสุด เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ก็มีชายเข้ามาโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมาแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นก็ยังไม่ได้มีการป้องกันเหตุอะไร
ส่วนในครั้งนี้ก็ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นต้องเจอกับความเสี่ยง ทั้งความไม่ปลอดภัยทางร่างกายที่อาจจะถูกทำร้ายร่างกายก็ได้ รวมถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพราะชายที่ก่อเหตุนั้นได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าถึง 2 ครั้ง
ขณะที่ทาง พันตำรวจเอก ยุทธนา พฤกษารุ่งเรือง ผู้กำกับการ สภ.วารินชำราบ ก็ได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 ชุดสืบสวน และตำรวจจราจร ให้หมั่นเข้ามาเฝ้าระวังเหตุที่โรงพยาบาลถี่ขึ้น พร้อมกับวางแนวทางกับทางโรงพยาบาลในการซ้อมแผนเผชิญเหตุความวุ่นวาย แต่ส่วนการดำเนินคดีกับชายที่ก่อเหตุนั้นอยู่ระหว่างให้ตำรวจชุดสืบสวนประสานญาติแจ้งให้เข้ามาพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อหา
