ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. เสนอนโยบายปราบโกง

เช้านี้ที่หมอชิต - ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกในสังคมไทยมานาน หลายฝ่ายอยากเห็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด และเด็ดขาด จากผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ซึ่งผู้สมัครแต่ละคน ต่างพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาตรงนี้ 

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล เห็นว่า กทม. ต้องร่วมมือกับกรมบัญชีกลาง ในการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ ในทุกขั้นตอนของการดำเนินโครงการต่าง ๆ และต้องส่งต่อข้อมูลให้คนกลางเป็นผู้ตรวจสอบ รวมทั้ง เพิ่มกลไกลของสภากรุงเทพมหานครให้มีบทบาทในการทบทวนกฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการบริการประชาชน นอกจากนี้ ต้องเร่งแก้ไขการคอร์รัปชันสมยอม โดยใช้ยาแรง ด้วยการออกพระราชบัญญัติผู้เปิดโปงการคอร์รัปชัน

นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ เชื่อว่า การป้องกันปัญหาการทุจริตสามารถทำได้ ด้วยการนำเอาระบบดิจิทัล เข้ามาอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีข้อบังคับที่เข้มงวด โดยควรให้บุคคลลภายนอกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณในแต่ละครั้ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นอกจากนี้ ต้องปรับพฤติกรรมของคน กทม. ไม่ให้ยอมรับต่อเรื่องการจ่ายส่วย จ่ายสินบน แม้จะเป็นการจ่ายแบบยินยอมก็ตาม

เช่นเดียวกับ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นว่า เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน เพราะถ้าเมื่อใด ที่คนมาเจอกับคน ก็มักเกิดการสมยอม แต่ถ้านำเทคโนโลยีมาใช้ การสมยอมจะไม่เกิดขึ้น ไม่มีการอะลุ่มอล่วย อีกทั้งจะเกิดการเชื่อมโยงข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งหากสามารถจัดการกับการคอร์รัปชันได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปหางบประมาณมาเพิ่มอีก แต่กลับจะมีงบเพิ่มให้ชาว กทม. มากขึ้นด้วย

นางสาวรสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครอิสระ ย้ำว่า การที่จะหยุดโกงได้ ต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ เรื่องการจัดซื้อ จัดจ้าง การจัดทำทีโออาร์ต้องชัดเจน และการเปิดประมูลในแต่ละโครงการต้องเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ทุกครั้ง พร้อมมองว่า การทุจริตที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นภูเขาน้ำแข็งจริง ๆ ใหญ่มาก ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น จะไม่มีทางที่จะหยุดโกงได้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ ยกตัวอย่างปัญหาเรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มีค่าบริการสูง มีโฆษณาจำนวนมาก แต่ไม่รู้ว่าเม็ดเงินหายไปไหน และผลประโยชน์อยู่ที่ใคร ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนไม่เคยเห็นสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง และไม่เคยมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ดังนั้น ปัญหาเรื่องการคอร์รัปชันต้องแก้ทั้งระบบ เปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ หากมีปัญหาต้องชี้แจงภายใน 7 วัน ซึ่งหากชี้แจงไม่ได้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ยอมรับว่า ระบบราชการ มักมีวัฒนธรรมองค์กร ที่สนับสนุนให้เกิดระบบอุปถัมภ์ ข้าราชการต้องทำงานเพื่อให้ถูกใจผู้ใหญ่ หวังตำแหน่งและความเจริญก้าวหน้า จนอาจนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น ต้องเร่งปรับแนวคิดเหล่านี้ เพื่อให้ข้าราชการ ทำงานเพื่อองค์กรมากกว่าบุคคล ส่วนการตรวจสอบคอร์รัปชัน แม้จะใช้เทคโนโลยีมาช่วย แต่ก็อาจมีการทุจริตได้ ดังนั้น ต้องนำบ๊อกเชนมาควบคุม