ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

เหิมหนัก แก๊งขนแรงงานข้ามชาติ ซิ่งรถหนีตำรวจกว่า 60 กิโลเมตร

เช้านี้ที่หมอชิต - เจ้าหน้าที่ไล่ล่าขบวนการลักลอบขนแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามจังหวัด (อ่างทอง – สิงห์บุรี) ระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร สกัดจับรถยนต์ได้ 3 คัน พร้อมแรงงานสัญชาติเมียนมาอีกกว่า 100 คน

นี่เป็นภาพ ขณะที่ตำรวจทางหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไล่ล่าติดตามแก๊งลักลอบขนแรงงานประเทศเพื่อนเข้าไทยโดยผิดกฎหมาย บนถนนเส้นทางรองรอยต่อ จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง โดยก่อนหน้านี้ ตำรวจได้สืบทราบว่าจะมีผู้นำพาลักลอบขนแรงงานเข้ามาในประเทศ เพื่อส่งไปยังพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สุพรรณบุร เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงเพิ่มกำลัง ตรวจสอบเข้มงวดกวดขันมากขึ้น

ในระหว่างที่สำรวจเส้นทางได้พบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็ว จึงได้เรียกให้หยุด แต่รถยนต์ทั้ง 3 คันไม่หยุด จึงได้ไล่ติดตาม จนสามารถสกัดจับกุม รถยนต์คันที่ 1 และคันที่ 2 ได้ที่บริเวณริมถนน อ่างทอง สิงห์บุรี ตำบลบางพุทรา อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ส่วนรถยนต์คันที่3 สกัดจับได้ที่ ริมทางสาธารณะ ซอยวัดบ้านกลาง ตำบลบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง โดยตำรวจทางหลวงได้ขับติดตาม ตั้งแต่ที่เกิดเหตุในพื้นที่ จังหวัดสิงห์บุรี จนถึงเขต อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 50-60 กิโลเมตร

สำหรับรถยนต์ทั้ง 3 คัน ที่สกัดจับได้ คันที่หนึ่งเป็นรถกระบะ (ตู้ทึบ) มีนายไตรภพ สุขศรี อายุ 28 ปี เป็นคนขับ พบแรงงานสัญชาติเมียนมา 26 คน, คันที่ 2 รถกระบะ (ตู้ทึบ) มีนายนรากร สมบัติดี อายุ 28 ปี เป็นคนขับ พบแรงงานสัญชาติเมียนมา 32 คน และคันที่ 3 รถกระบะ (ตู้ทึบ) คนขับขี่หลบหนีไปได้ พบแรงงานสัญชาติเมียนมา 31 คน รวมแรงงานทั้งหมด 89 คน ซึ่งรถกระบะทั้ง 3 คัน มีการเจาะรูระบายอากาศด้านบน เพื่อให้แรงงานที่มาในรถได้หายใจสะดวก และ ปิดบังการมองเห็นของเจ้าหน้าที่

จากการสอบสวน นายนรากร คนขับรถคันที่ 2 ทราบว่า ได้นำแรงงานประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดมาจากจังหวัดเชียงใหม่ นำไปส่งที่ กรุงเทพฯ โดยได้ค่าจ้าง 12,000 บาท เคยรับ-ส่ง มาแล้วประมาณ 7 ครั้ง ส่วน นายไตรภพ คนขับรถคันที่ 1 ให้การว่า รับแรงงานต่างด้าวมาจาก จังหวัดตาก นำไปส่งที่ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้ค่าจ้าง 12,000 บาท และเคยรับ-ส่ง มาแล้ว 6-7 ครั้ง

อย่างไรในนำตัวผู้นำพา และแรงงานทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน ที่สถานีตำรวจภูธรสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี และสถานีตำรวจภูธรโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark