กกร.ห่วงเศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยรุมเร้า

เช้านี้ที่หมอชิต - ภาคเอกชน กังวลเศรษฐกิจไทยเผชิญวิกฤตรอบด้าน หวังการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนการเติบโตในปีนี้ โดยคงกรอบตัวเลขจีดีพีไว้ที่ 2.5% - 4.0%

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ซึ่ง นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการ กกร. เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยซึ่งกำลังเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เศรษฐกิจโลกเผชิญ Headwind ซึ่งก็หมายถึงมีโอกาสขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ยาก เนื่องจากมีแรงลมต้าน จากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังยืดเยื้อ, ความกังวลเกี่ยวกับอาหารขาดแคลน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง การขาดแคลนสินค้าสำคัญใน Supply Chain หรือระบบห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของหลายธนาคารกลาง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่จีดีพีอาจจะขยายตัวเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.5%

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงและอาจจะกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี โดยคาดว่าการส่งออกจะยังขยายตัวในกรอบเดิมที่ 3% - 5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวในกรอบ 3.5% - 5.5% การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ตั้งไว้ 6 - 8 ล้านคน น่าจะเป็นไปได้ ทำให้ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในกรอบเดิมด้วยอัตราการขยายตัวในกรอบ 2.5% - 4.0% โดยภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นให้เร็วที่สุด จากเดิมที่รัฐบาลจะประกาศวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เนื่องจากเป็นผลทางจิตวิทยาหากประกาศเร็วที่สุด จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนกล้าออกจากบ้านมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและระดับสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก