ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ตีตรงจุด : ประหารชีวิต อดีต ผกก.โจ้ คดีคลุมถุงดำ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ตีตรงจุด ปักหมุดสถานการณ์ร้อนวันนี้ ไปติดตามอีกหนึ่งคดีดังที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ จากกรณี อดีตผู้กำกับโจ้ ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาประหารชีวิต อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 6 คน แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆาตกรรม แต่ยังร่วมกระทำผิดในข้อหาอื่น

คดีสะเทือนขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ปีที่แล้ว มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด จับภาพช่วงเวลาอำมหิต ที่พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกรวม 6 คน ใช้ถุงพลาสติกสีดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิตคาโรงพัก เป็นคลิปที่ช็อกคนทั้งประเทศ และกลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก

สำหรับคดีนี้ อดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมพวก 7 คน ถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วย

1. เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

2. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

3. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

4. ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยคดีนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดส่งสำนวนฟ้องคดี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอให้ศาลฯลงโทษขั้นสูงสุดคือ ประหารชีวิต กระทั่งมีคำพิพากษาในวันนี้

ช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาผ่านระบบจอภาพทางไกล หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต พร้อมทนายความ เดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีนี้ โดยก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา อดีตผู้กำกับโจ้ ได้ขออนุญาตศาลอ่านแถลงขอโทษต่อญาติผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม และอ้างว่าก่อนหน้านี้ทนายความไม่ได้ไปเข้าพบตนในเรือนจำ จึงไม่ได้ตรวจคำแถลงปิดคดีก่อน

ขณะที่ศาลตรวจคำแถลงปิดคดีทั้ง 450 หน้าแล้ว เห็นว่า มีการลงลายมือของจำเลยครบทั้งหมด ประกอบกับในคำแถลงก็มีการกล่าวถึงคุณงามความดีของจำเลยครบถ้วน จึงไม่อนุญาตให้จำเลยอ่านแถลงเพิ่มเติม ระหว่างการอ่านคำพิพากษาพบว่า อดีตผู้กำกับโจ้มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ส่วนพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตส่ายหน้าและร้องไห้ โดยเฉพาะช่วงที่มีการอ่านพฤติการณ์ที่จำเลยได้กระทำกับผู้เสียชีวิต

คดีนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา เพราะใช้ถุงดำ 4 ชั้นคลุมศีรษะ เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาขาดอากาศหายใจนานกว่า 6 นาที ประกอบกับผลการตรวจของผู้เชี่ยวชาญ, กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์จากโรงพยาบาล 2 แห่ง ที่สรุปผลตรงกันว่าร่างกายของผู้เสียชีวิตมีค่าสารเสพติดในร่างกายน้อยเกินกว่าที่จะทำให้เกิดอาการช็อกได้ ประกอบกับผลการตรวจภาพวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญ พบว่าไม่ได้มีการตัดต่อ อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่ามีกล้องวงจรปิดแอบถ่ายไว้ ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าทำไปเพื่อต้องการให้ผู้ต้องหาเกิดความกลัว และไม่ทราบว่าถูกพาไปสอบสวนที่ใดนั้นฟังไม่ขึ้น ประกอบกับข้อเท็จจริงพบว่าจำเลยที่ 7 ไม่ได้อยู่ร่วมจับกุมผู้ต้องหาไปทรมาน เพราะต้องแยกไปควบคุมภรรยาของผู้ต้องหาสอบสวนอยู่อีกห้องหนึ่ง

ศาลจึงพิพากษาให้ อดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และพวกที่เป็นจำเลยที่ 2-5 และ 7 รับโทษตามข้อหาหนักสุด เกี่ยวกับการร่วมกันอุ้มฆ่าผู้อื่น ให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 ให้รับโทษในข้อหาอื่น ๆ เช่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 8 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่เนื่องจากพบว่าหลังเกิดเหตุจำเลยทั้งหมดได้พยายามเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาลผู้เสียชีวิต ประกอบกับได้มอบเงินช่วยเหลือค่าปลงศพ 30,000 บาท และค่าเยียวยาอีกคนละ 300,000 บาท จึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จากโทษประหารชีวิต ให้ลดเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 เหลือคงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี 4 เดือน

หลังฟังคำพิพากษา ทางพ่อผู้เสียชีวิตพอใจไม่คิดสู้ต่อ แต่แม่ของผู้เสียชีวิตจะอยากให้ผู้ก่อเหตุตายตกตามลูกชายไป พร้อมเปิดใจถึงวินาทีบีบหัวใจระหว่างฟังศาลฯบรรยายพฤติกรรมที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิต

สำหรับคดีแพ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความว่าจะเรียกค่าสินไหมเท่าไหร่ ซึ่งตอนแรกมีการคำนวณว่าหากลูกชายยังมีชีวิตอยู่อีก 10 ปี จะสามารถดูแลพ่อแม่ได้เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท แต่ทนายแนะนำให้เพิ่มวงเงิน จึงต้องรอปรึกษากันอีกครั้ง

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark