ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

คอลัมน์หมายเลข 7 : ป.ป.ท.บุกสอบรีสอร์ตดังมวกเหล็ก รุกป่า

ข่าวภาคค่ำ - ป.ป.ท.ลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ตดังมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เมินคำสั่งอธิบดีกรมป่าไม้ อายัดที่ดินรีสอร์ตที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ แถมยังมีการเปิดกิจการและบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติม ขณะที่อีกแห่งยอมปิดกิจการแต่ยังไม่คืนผืนป่า ติดตามในคอลัมน์หมายเลข 7 กับ คุณมะลิ แซ่ฉิ่น

นี่เป็นสภาพรีสอร์ตชื่อดังในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายรีสอร์ต ที่เคยถูกอธิบดีกรมป่าไม้สั่งอายัดพื้นที่ ข้อหาบุกรุกผืนป่า แต่ปัจจุบันพบว่ารีสอร์ตแห่งนี้ ยังคงเปิดดำเนินกิจการท้าทายอำนาจรัฐ ทั้งยังมีการเปิดป่าลึกเข้าไปในเชิงเขา ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากริมถนน

ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขต 1 บอกว่า พื้นที่รีสอร์ที่บุกรุกผืนป่าสงวนแห่งชาติ ในเขตตำบลหนองย่างเสือ จังหวัดสระบุรี แห่งนี้มีขนาด 522 ไร่ในครั้งแรก ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนก่อนขยายเป็น 800 ไร่ในปีถัดมา โดยมีการสร้างบันไดขึ้นไปบนเนินเขา เพื่อทำจุดชมวิวแบบ 360 องศา และยังแบ่งที่ดินจัดสรรขายให้กับผู้สนใจมากกว่า 63 ราย ในราคาไร่ละ 1,000,000 บาท หรือตารางวาละ 2,500 บาท

และหากลงลึกไปถึงรายชื่อผู้ครอบครองที่ดินจัดสรร จะพบว่าแต่ละคนล้วนอยู่ในกลุ่มนามสกุลดังและไฮโซ ซ้ำมีบ้านหลังใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านในพื้นที่ด้วย ซึ่งจากการสืบค้นข้อมูลเชิงลึกพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ

แต่คดีนี้ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ที่ซื้อที่ดินจัดสรร เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2561 โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเจตนาในการละเมิด แต่คำสั่งไม่ฟ้อง ไม่ได้มีผลไปถึงตัวรีสอร์ตที่อธิบดีกรมป่าไม้ได้ลงนามอายัดพื้นที่ทั้งหมด แต่จนถึงวันนี้กรมป่าไม้ก็ยังไม่ได้เข้าทำการเพิกถอนสิทธิ์และคืนผืนป่า พร้อมเริ่มดำเนินการฟื้นฟูอย่างที่ควรจะเป็น

ขณะที่รีสอร์ตอีกแห่งซึ่งบุกรุกผืนป่า 1,200 ไร่ ปัจจุบันได้ยกเลิกการดำเนินกิจการ แต่ก็ยังไม่คืนผืนป่าให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งการตรวจสอบพบว่า ยังคงเหลือสิ่งก่อสร้างและบ้านพักอาศัยในพื้นที่ โดยด้านหลังเป็นสวนผลไม้ขนาดใหญ่ ทั้งที่ผืนดินดังกล่าวไม่ได้มีส่วนใดอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร การตรวจสอบของ ป.ป.ท. ไม่ได้หยุดแค่ให้รื้อสิ่งปลูกสร้างจากพื้นที่ป่า แต่จะลุยไปถึงการยึดทรัพย์ด้วย

สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกมากที่สุดอยู่ในบริเวณพื้นป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าฤทธิ์ ป่าลำทองหลาง และป่าลำพญากลาง ซึ่งในช่วงปี 2554 ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 กรมป่าไม้ ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี พบว่ามีผู้นำเอกสารสิทธิ์มาแสดง แต่ปรากฏว่าเป็นการนำสำเนา สปก. ที่เป็นคนละพื้นที่กับที่มีการบุกรุกสองแห่ง ซึ่งถือเป็นความผิดที่มีโทษจำคุก 15 ปี และปรับเป็นเงิน 200,000 บาท  

การทวงคืนผืนป่า เอาผิดกับคนรุกที่ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ท. ต้องเดินหน้าเร่งรัดไปยังกรมป่าไม้ รวมทั้งการประสาน ป.ป.ง. ยึดทรัพย์คนทำผิดฐานฟอกเงิน เป็นอีกหนึ่งงานหินที่ต้องทำให้สำเร็จ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark