ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ศาลฯ สั่งประหารชีวิต อดีต ผกก.โจ้-พวก แต่มีเหตุบรรเทาโทษ

เช้านี้ที่หมอชิต - ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาให้ประหารชีวิต พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 6 คน จากจำเลย 7 คน หลังมีเหตุบรรเทาโทษ เพราะมีความพยายามช่วยชีวิต และเยียวยาเงินช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิต

ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

โดยก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา อดีตผู้กำกับโจ้ ได้ขออนุญาตศาลอ่านแถลงขอโทษต่อญาติผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม และอ้างว่าก่อนหน้านี้ ทนายความไม่ได้ไปเข้าพบตนเองในเรือนจำ จึงไม่ได้ตรวจคำแถลงปิดคดีก่อน ขณะที่ศาลตรวจคำแถลงปิดคดีทั้ง 450 หน้าแล้ว เห็นว่ามีการลงลายมือของจำเลยครบทั้งหมด ประกอบกับในคำแถลงก็มีการกล่าวถึงคุณงามความดีของจำเลยครบถ้วน จึงไม่อนุญาตให้จำเลยอ่านแถลงเพิ่มเติม

ระหว่างการอ่านคำพิพากษาพบว่า ผู้กำกับโจ้มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ส่วนพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตส่ายหน้าและร้องไห้ โดยเฉพาะช่วงที่มีการอ่านพฤติการณ์ที่จำเลยได้กระทำกับผู้เสียชีวิต

คดีนี้ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา เพราะใช้ถุงดำคลุมศีรษะหลายชั้น เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาขาดอากาศหายใจนานกว่า 6 นาที ประกอบกับผลการตรวจของผู้เชี่ยวชาญ, กองพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์จากโรงพยาบาล 2 แห่ง ที่สรุปผลตรงกันว่ ร่างกายของผู้เสียชีวิตมีค่าสารเสพติดในร่างกายน้อยเกินกว่าที่จะทำให้เกิดอาการช็อกได้ ประกอบกับผลการตรวจภาพวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญ พบว่าไม่ได้มีการตัดต่อ อดีตผู้กำกับโจ้กับพวกเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่า มีกล้องวงจรปิดแอบถ่ายไว้ ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าทำไป เพื่อต้องการให้ผู้ต้องหาเกิดความกลัว และไม่ทราบว่าถูกพาไปสอบสวนที่ใดนั้นฟังไม่ขึ้น ประกอบกับข้อเท็จจริงพบว่าจำเลยที่ 7 ไม่ได้อยู่ร่วมจับกุมผู้ต้องหาไปทรมาน เพราะต้องแยกไปควบคุมภรรยาของผู้ต้องหาสอบสวนอยู่อีกห้องหนึ่ง

ศาลจึงพิพากษาให้ผู้กำกับโจ้กับพวกรวม 6 คน รับโทษตามข้อหาหนักสุด เกี่ยวกับการร่วมกันอุ้มฆ่าผู้อื่น ให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยอีกคน ให้รับโทษในข้อหาอื่น ๆ เช่น เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 8 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่มีข้อเท็จจริงเป็นเหตุบรรเทาโทษหลังจำเลยทั้งหมดได้พยายามเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาลผู้เสียชีวิต ประกอบกับมอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพ 30,000 บาท และค่าเยียวยาอีกคนละ 300,000 บาท ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จากโทษประหารชีวิต ให้ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยอีกคนที่ไม่เกี่ยวข้องในการอุ้มผู้ต้องหาไปทรมาน ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี 4 เดือน

หลังจากฟังคำพิพากษา พ่อของผู้เสียชีวิตบอกว่า ตนรับรู้เลยว่าช่วงเวลานั้นลูกชายต้องทรมานอย่างมาก เพราะว่าโดนถุงพลาสติกคลุมหัวถึง 7 ชั้น มัดแขนมัดขาและรุมทำร้ายร่างกาย ลูกตนร้องขอชีวิต ก็ไม่มีใครเลยซักคนที่จะกล้าห้าม และช่วยีวิตลูกตนเอาไว้ นี่เป็นความรู้สึกแย่ ๆ ของคนเป็นพ่อแม่ที่เห้นลูกตายอย่างทุกข์ทรมาน มันคงเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในหัวใจ

ส่วนแนวทางในการต่อสู้และการเรียกร้องค่าเสียหาย ตอนนี้เรียกร้องเกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูตนและภรรยา เป็นระยะเวลา 10 ปี วงเงินประมาณ 1.5 ล้านบาท ซึ่งทางฝ่ายผู้ต้องหาวางเงินเอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วศาลจะตัดสินอย่างไร ก็อยู่ที่ดุลยพินิจ จะได้ครบจำนวนที่เรียกร้องไปหรือไม่ก็ต้องปรึกษาทนายก่อน 

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark