ตีตรงจุด : ตรวจสอบทิศทาง กัญชา-กัญชง พืชแก้จน ?

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ตีตรงจุด วันนี้ปักหมุดเรื่องของสายเขียวกัญชา กัญชง ที่ถูกปลดพ้นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 การใช้จะเสรีแค่ไหน มีอะไรที่ประชาชนควรรู้ โดยเฉพาะการใช้พืชชนิดนี้ ช่วยแก้จนจะสำเร็จหรือไม่ ตรวจสอบไปพร้อม ๆ กัน

นับเป็นวันแรกที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลบังคับใช้ในการขยายขอบเขตการคลายล็อก กัญชา กัญชง ที่ปลูกในประเทศไทย โดยเหลือการควบคุมคือ สารสกัดเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC เกิน 0.2 % ของน้ำหนัก เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ช่อดอกที่เคยผิดกฎหมายก็จะกลับมาถูกกฎหมาย และเมื่อตรวจสอบความสนใจของการปลูกพืชทั้ง 2 ชนิด จะพบว่าแอปพลิเคชัน "ปลูกกัญ" ของสำนักงานคณะกรรมกาารอาหารและยา หรือ อย. มีคนมาจดแจ้งในระบบแล้วกว่า 100,000 คน และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แอปฯ ปลูกกัญ ก็ล่ม ประเดิมรับการเปิดเสรี เพราะมีคนเข้าไปดาวน์โหลดแอปฯ และพยายามจะลงทะเบียนกันจำนวนมาก

ก็เป็นเรื่องดีที่ทุกคนตื่นตัวตามคำแนะนำว่าไม่ว่าจะปลูกกี่ต้น ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดควรจดแจ้งไว้ โดยเฉพาะผู้ต้องการปลูกใช้เชิงพาณิชย์ เพราะหากต่อไปมีกฎหมายกัญชา กัญชง ออกมาบังคับใช้แล้วจะได้ไม่ตกขบวน เบื้องต้นการจำหน่ายจะห้ามในกลุ่มสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หากพบฝ่าฝืนจะถูกแบล็คลิสต์ ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกได้

ขณะที่ อย. เผยว่า กัญชา กัญชง ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์สุขภาพ ทำเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารและสมุนไพร รวมทั้งตำรับยาไทย ก็อนุญาตแล้ว 1,181 รายการ และมีตำรับยากัญชาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว 8 ตำรับ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ซึ่งก็มีงานวิจัยของธนาคารกรุงศรีฯ พบว่า อีก 4 ปีนับจากนี้ หรือปี 2569 มูลค่าตลาดกัญชาหลังถูกกฎหมายทั่วโลกจะอยู่ที่กว่า 500,000 ล้านบาท โดยร้อยละ 70 จะใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ

แต่เมื่อเราตรวจสอบกับผู้ประกอบการในแวดวงกัญชา กัญชง เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำ หรือ ตั้งแต่แปลงปลูก ไปจนถึงปลายน้ำ คือ มีผลิตภัณฑ์จากพืชทั้ง 2 ชนิดเป็นส่วนประกอบ ก็วิเคราะห์ผลกระทบต่อการเปิดเสรีกัญชา กัญชง ว่าขณะนี้มีผู้ประกอบการหลักพันรายเจ็บตัวจากการลงทุนก่อนหน้านี้บ้างแล้ว จากการปฏิบัติตามระเบียบการขอปลูกกัญชา กัญชง และในอีก 6 เดือนข้างหน้า ราคาใบกัญชาต่อกิโลกรัมที่เคยพุ่งหลักหมื่น แต่ปัจจุบันเริ่มราคาตกเหลือหลักร้อย ก็อาจจะถูกลงกว่านี้อีก หรืออาจจะถูกกว่าใบกะเพราที่เรารับประทานกันเลยทีเดียว

แต่หากพิจารณาด้านบวก การเปิดเสรีกัญชา กัญชง ที่เกิดขึ้นนี้ ถามว่าจะปลูกพืชทั้ง 2 ชนิดยังไงให้ได้เงิน ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ เพียงแต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายใหม่ ต้องเน้นคุณภาพนำ เพื่อไม่ให้เจ๊ง จนตกเป็นเหยื่อการเปิดเสรี ก็อาจจะพอแข่งขันกับนายทุนใหญ่ได้บ้าง

ส่วนข้อกังวลโดยเฉพาะการใช้กัญชา กัญชง หลังเปิดเสรี ผิดวัตถุประสงค์ในช่วงสูญญากาศ ยังไม่มีกฎหมายกำกับอีกชั้น แม้กระทรวงสาธารณสุขจะตั้งคณะกรรมการติดตามเฝ้าระวังการนำไปใช้ในทางไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการโฆษณาชวนปาร์ตี ก็จะหารือกับ สคบ. วันที่ 14 มิถุนายนนี้ เพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าว

โดยเบื้องต้น เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เผยว่า ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมคดีกัญชา ยึดของกลางได้ทั้งหมด 16 ตัน ยึดทรัพย์คดีกัญชา 99 คดี เป็นมูลค่า 110 ล้านบาท แม้วันนี้จะเปิดเสรีแล้ว แต่หากพบการใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็มีกฎหมายอื่นเอาผิดได้

ก็เป็นเรื่องคืบหน้าของวงการสายเขียว กัญชา กัญชง ท่ามกลางสูญญากาศ ยังไร้กฎหมายควบคุมการใช้ออกมากำกับ แม้ว่าหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะยืดอกพกความมั่นใจว่ามีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้เมื่อใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ประเด็นการมอมเมาโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนก็ต้องจับตาหลังจากนี้ว่าจะไปทิศทางไหน โดยเฉพาะสายปุ๊น ชอบพ่นควัน แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากก่อกลิ่นสร้างความรำคาญ ก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามกฎหมายได้