สะเทือน ครม.? หลัง 2 รมต.เจอวิบากกรรม
เจาะประเด็นข่าว 7HD - มีเรื่องที่น่าจับตาเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีสองคนในรัฐบาล คนแรก คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กนกวรรณ วิลาวัลย์ อีกคนคือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเรื่องอะไร ไปติดตามกันเลย
เริ่มกันที่เรื่องของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกันก่อน ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก กรณีรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต จังหวัดปราจีนบุรี โดยทั้ง 2 คนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ฐานสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดแล้ว เพื่อให้พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ รวมถึงยังส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา เพื่อเพิกถอน นางกนกวรรณ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีดังกล่าวด้วย
ส่วนกรณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ อบจ.สงขลา จ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน วงเงินกว่า 52 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นจำนวนกว่า 50 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้กับบริษัทเอกชน เนื่องจากไม่ปรากฏว่าเอกชนมีการฮั้วราคา ตามที่ อบจ.สงขลา สู้คดี ปัญหานี้เกิดขึ้นสมัยที่ นายนิพนธ์ เป็นนายก อบจ.สงขลา ไม่ชำระหนี้ให้บริษัทฯ ตามสัญญา ซึ่ง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลไปก่อนหน้านี้ คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด จึงชี้ชะตาในคดีอาญาด้วย
คดีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อาจยังต้องใช้เวลา แต่คดีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียกว่างวดเข้าทุกที เพราะ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้ว เรื่องอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้จ่ายเงินให้บริษัทเอกชน ย่อมส่งผลต่อคดีอาญา ที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดว่าอัยการจะส่งฟ้องหรือไม่ด้วย และหากส่งฟ้องต่อศาล มีการประทับรับฟ้อง ก็จะเกิดคำถามว่า นายนิพนธ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะตำแหน่งที่ทำผิดไม่ใช่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นขณะดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา ซึ่งก่อนหน้านี้ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนี้ไปแล้ว ขณะที่ นายนิพนธ์ ก็สู้ด้วยการยื่นต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่ง
