คอลัมน์หมายเลข 7 : พ่อรมช.ศธ.หลุดคดีรุกป่า เหตุหมดอายุความ
ข่าวภาคค่ำ - พิษรุกป่าเขาใหญ่ของพ่อลูกตระกูลวิลาวัลย์ บ้านใหญ่ปราจีนบุรี ยังไม่จบง่าย ๆ แม้ นายสุนทร วิลาวัลย์ พ่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะพ้นพงหนามจากคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เพราะคดีหมดอายุความวันนี้ แต่ยังมีการรุกที่อีกหลายแปลง ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ พร้อมคำถามทำไมคดีหมดอายุความ จึงมักเกิดกับคนใหญ่คนโต ติดตามในคอลัมน์หมายเลข 7 กับคุณสุธาทิพย์ ผาสุข
ไทม์ไลน์คดีรุกป่าเขาใหญ่ของพ่อลูกตระกูลวิลาวัลย์ บ้านใหญ่ปราจีนบุรี ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพร้อมพวกรวม 10 คน กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคม เนื่องจากอัยการส่งฟ้องได้ 5 คน เหลืออีก 5 คน ยังหลบหนี หนึ่งในนั้นคือ สุนทร วิลาวัลย์ บิดาของ กนกวรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่พ้นพงหนามไป เพราะคดีหมดอายุความหมาด ๆ
วันนี้เวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา ทำเอาทั้ง ป.ป.ช.และอัยการ ต้องชี้แจงกันจ้าละหวั่น ยืนยัน เร่งรัดดำเนินคดี ไม่มีละเว้น และยังมีพื้นที่อีกหลายแปลงที่ถูกบุกรุก ซึ่งคดียังไม่ขาดอายุความ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที กรณีการปล่อยให้คดีขาดอายุความ ทำให้สังคมกังขาประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง พร้อมกับตั้งคำถามเป็นความอภิสิทธิ์ชนของผู้มีอำนาจ หรือ ความบกพร่องต่อการปฎิบัติหน้าที่
คอลัมน์หมายเลข 7 ไล่เรียงคดีความที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจ หรือ นักการเมือง ที่พ้นคุก หลุดจากคำพิพากษาของศาลเพราะคดีหมดอายุความ เช่นกรณีของ พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ สส.กทม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยถูกกล่าวหาเรื่องการแจ้งทรัพย์สินเท็จ หลังพ้นจากตำแหน่ง สส. เมื่อปี 2557 และต่อมาปี 2562 ศาลฎีกาฯ ได้ยกคำร้องเหตุเพราะ ป.ป.ช. ไม่สามารถนำตัวผู้ถูกกล่าวหามาส่งศาลได้ทันภายใน 5 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้คดีขาดอายุความ หลุดพ้นคดีแบบไม่มีโทษ
เมื่อได้ไปต่อทางการเมือง ยังมีเรื่องน่ากังขาเกี่ยวกับการลงมติของพลภูมิ ที่สวนทางพรรคเพื่อไทย เสียบบัตรแสดงตน ทั้งที่ฝ่ายค้านมีมติไม่ให้เข้าร่วม กระทั่งนำไปสู่การโหวตล้มญัตติขอตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง คสช. แต่ท่าทีของพลภูมิ กลับได้รับการปกป้องจากแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยสุทิน คลังแสง ระบุว่า ในส่วนของ สส.พรรคเพื่อไทย ที่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม 3 คนนั้น กรณี คุณพลภูมิ เราไม่แปลกใจ เพราะเข้าใจและทราบมาก่อนว่า เขามีบุญคุณต่อกันเรื่องคดีก่อนหน้านี้ มีคดีชี้เป็นตายทางการเมือง จนอาจจะต้องย้ายพรรคอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคดีล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2552 ซึ่งมีผู้ต้องหาเป็นกลุ่มแกนนำ นปช. 7 คน หนึ่งในนั้นคือ สุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือ แรมโบ้ อีสาน ซึ่งรอดคดี เนื่องจากอัยการส่งฟ้องไม่ทันเวลา และตำรวจไม่สามารถจับตัว นายสุภรณ์ มาส่งให้อัยการได้ ทำให้คดีขาดอายุความ ตามมาด้วยข้อครหา โปรย้ายค่าย เพราะทันทีที่พ้นบ่วงกรรม สุภรณ์ ก็ผันตัวมาเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี
คนใหญ่ คนโต รอดคุก มีแท็กติกทางกฎหมาย ยื้อคดีได้จนหมดอายุความ เป็นอีกหนึ่งคำถามคาใจสังคม ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำ หรือ ปลายน้ำ ต้องทบทวนเพื่อแก้ไข เพื่อไม่ให้ศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม สั่นคลอน