ศบค.ปรับพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ ถอดหน้ากากอนามัย เปิดสถานบันเทิงถึงตี 2

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ศบค.คลายล็อกเพิ่มใกล้เส้นใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว ทั้งการปรับโซนสีเขียวทั่วประเทศ เปิดสถานบันเทิงถึง 02.00 น. และถอดหน้ากากอนามัย

การประชุม ศบค.ครั้งนี้ นอกจากเรื่องผ่อนคลายมาตรการแล้ว ยังมีเรื่องที่น่าจับตาคือ การกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557 จากการถูกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในขณะนั้น ทำการรัฐประหาร และพลเอกประยุทธ์ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่นั้น

ก่อนประชุม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำผู้ว่าฯ ชัชชาติ และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบพลเอกประยุทธ์ โดยมีภาพการพบปะหารือที่บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นเป็นกันเอง

เมื่อย้ายเวทีไปที่ประชุม ศบค. นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ก็กล่าวต้อนรับผู้ว่าฯชัชชาติ และนายกปรเมศวร์ โดยทั้งสองลุกขึ้นสวัสดี และนายกรัฐมนตรีนำปรบมือต้อนรับอย่างเป็นทางการ

หลังประชุม ศบค. นายกรัฐมนตรีอารมณ์ดี เป็นไกด์นำผู้ว่าฯ ชัชชาติ และนายกปรเมศวร์ ทัวร์ตึกต่าง ๆ ในทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นกันเอง รวมถึงนำทั้งหมดมาแถลงข่าวร่วมกัน เพื่อแสดงถึงความร่วมมือในการทำงานร่วมกันเดินหน้าประเทศไทย

ทั้งนี้ ศบค.เห็นชอบผ่อนคลายมาตรการที่เรียกว่าแทบกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว เช่น ปรับพื้นที่สถานการณ์ให้เป็นสีเขียวทั้งประเทศ หรือผ่อนคลายมาตรการเต็มที่ ภายใต้การเฝ้าระวังตามมาตรการไฟเขียว เปิดกิจการและสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวดทุกพื้นที่ถึง 02.00 น.

ส่วนการถอดหน้ากากอนามัย ในพื้นที่เปิด ไม่แออัด หรือพื้นที่มีผู้คนจำนวนมาก ยกเว้นพื้นที่เสี่ยง และกลุ่มเสี่ยง 608 ยังไม่กำหนดเวลา ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำระเบียบออกมาก่อน รวมถึงผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ที่ กสทช.ต้องกำหนดมาตรการต่อไป ซึ่งคาดเริ่ม 1 กรกฎาคม

ยกเลิกระบบ Thailand Pass ปรับมาตรการเข้า-ออกประเทศเริ่ม 1 กรกฎาคมเช่นกัน รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเตรียมแผนเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นโรคประจำถิ่น

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ทิศทางลดลงต่อเนื่อง ทั้งยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่อยู่ระดับต่ำ 2,000 คน หายป่วยกว่า 2,000 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 598 คน ใส่ท่อช่วยหายใจลดลง อัตราครองเตียง 9.3% และผู้เสียชีวิต 19 คน ทั้งหมดเป็นทิศทางที่ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้