แพทย์ ชี้โอมิครอน BA.4 / BA.5 คาดเชื้อดุกว่าเดิม
เจาะประเด็นข่าว 7HD - แพทย์เผยผลศึกษา องค์การอนามัยโลก ชี้โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เชื้อน่าจะดุกว่าเดิม ขณะที่การติดเชื้อใหม่ ยังอยู่หลักพันคนต่อวัน เสียชีวิตวันนี้ 16 คน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเผยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ที่อัปเดทการระบาดของเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย พบว่า ปัจจุบันเชื้อ BA.2 ระบาดไปแล้ว 69 ประเทศ, BA.4 58 ประเทศ และ BA.5 62 ประเทศ โดยถือเป็น 3 สายพันธุ์ที่น่ากังวล เพราะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะ BA.4 และ BA.5 เพราะกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง มีสมรรถนะแพร่เชื้อมากขึ้นกว่าโอมิครอนเดิม ข้อสำคัญยังมีผลวิจัยพบสายพันธุ์เหล่านี้จะจับกับเซลล์ปอดได้มากขึ้น ทำให้เกิดพยาธิสภาพมากกว่าสายพันธุ์เดิมด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดสำคัญทั้งจำนวนติดเชื้อใหม่ จำนวนผู้ป่วย และอัตราการป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลในหลายประเทศทั่วโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนว่า BA.4 และ BA.5 น่าจะดุกว่าเดิมแน่
ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงอาการของผู้ติดเชื้อโอมิครอน BA.1 และ BA.4, BA.5 ซึ่งเก็บข้อมูลโดยหน่วยงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส พบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 อาการโดยรวมชัดกว่าผู้ป่วยที่ติดโอมิครอน รุ่นแรกในทุกอาการ
ซึ่งอาการที่พบมากกว่า 50% คือ อ่อนเพลีย ไอ ไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ตามลำดับ และที่น่าสนใจคือผู้ป่วยมีอาการทางเดินหายใจ เช่น หายใจถี่ และหายใจลำบาก ตลอดจนมีอาการทางเดินอาหาร เช่น อาการท้องเสีย ก็พบในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ด้วย
ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ว่า ทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อย แม้จะแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น หลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า มีความรุนแรงมากขึ้น ตามกระแสข่าวว่ามีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลตา 5 เท่า และมีอัตราเสียชีวิตสูง พร้อมย้ำว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ และประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยังพบ BA.4 และ BA.5 ในกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศในสัดส่วนสูงกว่าผู้ติดเชื้อในประเทศ
ส่วนผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้มี 2,236 คน ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นกว่า 4.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยรักษาในระบบอยู่กว่า 22,000 คน ส่วนผู้หายป่วยกลับบ้านมีเพิ่มกว่า 1,800 คน
ขณะที่ผู้เสียชีวิตมีเพิ่มอีก 16 คน ซึ่งยังอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุมากที่สุดถึง 13 คน ทำให้อัตราเสียชีวิตสะสมขยับเพิ่มเป็น 30,575 คน
