เพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง เสียหายกว่า 100 ล้านบาท เจ้าของตึกหวั่นไม่ได้รับการเยียวยา

เช้านี้ที่หมอชิต - เช้านี้ที่หมอชิตเราไปดูความเสียหายเหตุเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบมีตึกเสียหายทั้งหมด 7 คูหา โดยสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ประเมินมูลค่าความเสียหายไว้คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ไปติดตามเรื่องนี้กับคุณรัตนกรณ์ โต๊ะหมัด

เสียงระเบิดดังปะทุ พร้อมแสงเพลิงที่พวยพุ่ง ลุกโหมอย่างไม่ปราณี บริเวณตลาดสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีกนับ 10 คน หลังเปลวเพลิงสงบ ทิ้งความเสียหายไว้สาหัส มีตึกได้รับความเสียหาย 7 คูหา มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท เช้านี้ที่หมอชิตได้สอบถาม 1 ในเจ้าของตึกที่ได้รับความเสียหาย บอกนี่คือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากตึกที่แทบจะไม่เหลือแล้ว โอกาสในการทำธุรกิจก็ต้องหยุดลง ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากตึก 7 คูหา ยังมีรถอีก 3 คันที่ถูกเผาไม่เหลือชิ้นดี เจ้าของสุดช้ำ แม้จะมีประกัน แต่เหมือนต้องนับหนึ่งใหม่ เพราะมูลค่าการประเมินความเสียหายกับงวดผ่อนที่เหลือ หักลบกันแล้วเหลือศูนย์

นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่มาตรวจสอบ บอกความเสียหายแบ่งเป็นสองส่วน คือส่านโครงสร้างที่เป็นคอนกรีตและเหล็ก โดยห้องที่ใช้คอนกรีตได้รับความเสียหายไม่มากนัก แต่ห้องที่โครงสร้างเป็นเหล็ก เมื่อโดนความร้อนได้ผิดรูปทั้งหมด และมีผนังบางส่วนระเบิดด้วย ดังนั้นหากจะปรับปรุงอาคารมาใช้งานใหม่ ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง บอกในส่วนที่ผู้เสียหายกังวล ว่าจะได้รับการเยียวยาหรือไม่นั้น ต้องพิสูจน์สาเหตุก่อน ว่าเพลิงไหม้เกิดจากอะไรกันแน่ แต่หากเป็นความผิดพลาดของการไฟฟ้าจริง ก็ยินดีที่จะเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับกระทบโดยตรงจากเหตุหม้อแปลงขัดข้อง

ส่วนผู้เสียชีวิต 2 คน ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พบว่ามีการทำประกันสังคมไว้ รวมถึงรายที่เป็นแรงงานต่างด้าวด้วย จึงจะได้รับเงินชดเชยจำนวน 50,000 บาทต่อคน และยังมีเงินทดแทนตามระยะเวลาการทำงาน ที่กระทรวงแรงงานจะจ่ายให้ 70% ของค่าแรง

สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นความประมาทของใคร ตำรวจเตรียมเชิญ กฟน. เข้าให้ข้อมูล หลังชาวบ้านบอกมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูหม้อแปลงก่อนระเบิด แต่ที่แน่ ๆ วิศกรรมสถานแห่งประเทศไทย บอกหม้อแปลงลักษณะที่เกิดเหตุมี 400 ลูก ทั่ว กทม. รวมถึงสายสื่อสารที่ห้อยระโยงระยางเป็นเชื้อเพลิง ต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ ป้องกัน ไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำขึ้นมาอีก