นายทุนอ้าง นส.3 ก. รุกป่าชายเลน 300 ไร่ ริมทะเลสาบสงขลา ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ประเด็นเด็ด 7 สี - พบการบุกรุกที่ดินป่าชายเลนริมทะเลสาบสงขลา เนื้อที่กว่า 300 ไร่เศษ นายทุนว่าจ้างรถแบ็กโฮปรับพื้นที่เตรียมปลูกปาล์มน้ำมัน ขณะที่ผู้ครอบครองนำเอกสารสิทธิ นส. 3ก. แสดงความบริสุทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่ แต่การตรวจสอบเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ คาดว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิมิชอบด้วยกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน จังหวัดสงขลา พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 9 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงพื้นที่ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการบุกรุกป่าชายเลน ริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งขณะนี้ผู้ครอบครองที่ดินว่าจ้างรถแบ็กโฮปรับพื้นที่เป็นร่องสวน เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันแล้ว ทั้งที่อยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวเขตป่าชายเลนริมทะเลสาบสงขลา

โดยระหว่างตรวจสอบ ผู้ครอบครองที่ดินนำเอกสารสิทธิที่ดิน นส. 3 ก. จำนวน 22 แปลง เนื้อที่ 300 ไร่เศษ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่พบว่าที่ดินแปลงนี้ มีการเปลี่ยนมือจากผู้ครอบครองคนแรกสู่มือผู้ครอบครองคนปัจจุบัน

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดิน นส. 3 ก. พบเป็นการออกให้เฉพาะราย ไม่ใช่จากการเดินสำรวจ และลงนามโดยนายอำเภอหาดใหญ่ เมื่อปี 2531 หลังจากมติคณะรัฐมนตรี ประกาศเขตพื้นที่ป่าชายเลน ขณะที่ผู้ใหญ่บ้าน ระบุจุดนี้ในอดีตเป็นพื้นที่ทำนาข้าว แต่ดูจากสภาพพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ไม่สามารถทำนาได้ เพราะเป็นป่าพรุ และไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์มาก่อน จึงเชื่อว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิ นส. 3 ก. มิชอบด้วยกฎหมาย โดยเป็นการยื่นขอจากเอกสารสิทธิ สค. 1 เดิม แต่จะเป็น สค.บิน จากที่อื่น สวมสิทธิที่ดินแปลงนี้หรือไม่ ต้องตรวจสอบละเอียด ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะทำหนังสือให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตรวจสอบการออกเอกสิทธิ