ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

น้ำมันโลกดิ่ง จับตาราคาน้ำมันไทย

ข่าวภาคค่ำ - ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงหนัก นักวิเคราะห์คาดว่าปลายปีนี้ราคาอาจทรุดแตะ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าจัดหาเชื้อเพลิงเพิ่มเติม เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด มหาชน วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก หลังราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ ปรับลดลงรายวัน หรือ มากที่สุด ตั้งแต่เดือนมีนาคม สาเหตุมาจากตลาดมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังธนาคารกลางในหลายประเทศทั่วโลก เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสกัดภาวะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นมาก รวมทั้งความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19ในจีน ที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโลก มีแนวโน้มลดลง รวมถึง สถานการณ์แรงงานในนอร์เวย์ ซึ่งคาดว่า อาจจะทำให้การผลิตน้ำมันของนอร์เวย์ ลดลงราว 130,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดลง แตะระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปลายปีนี้

เช่นเดียวกับ ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลง โดยวันนี้ราคาขายปลีกทองคำในประเทศเปลี่ยนแปลงไป 7 ครั้ง รวมลดลงบาทละ 300 บาท ปิดตลาด ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 30,250 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 30,750 บาท

ด้านคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เห็นชอบให้ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังของประเทศ ทำสัญญาระยะยาว 1 ล้านตันต่อปี เป็นการเพิ่มเติมจากสัญญาระยะยาวที่มีการลงนามแล้ว 5.2 ล้านตันต่อปี และให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ติดตามผลกระทบต่อราคาอย่างใกล้ชิด เพราะการนำเข้าก๊าซจะเกิดขึ้นในปี 2569

วันเดียวกัน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ และเชิญนายกรัฐมนตรีทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับมา โดยในรอบแรก นายกรัฐมนตรี ได้ทดลองนั่งและเปลี่ยนมาขอทดลองขับ มีเอกอัครราชทูตนั่งด้วย

ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผย แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเริ่มปรับลดลงกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังไม่สามารถลดราคาขายปลีกได้ทันที เนื่องจากจำเป็นต้องแบ่งเบาภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังติดลบอยู่กว่าแสนล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทที่ผันผวนในระยะนี้ เกิดจากปัจจัยภายนอก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ซึ่งได้กำชับธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเงินทุนไหลออกกระทบตลาดตราสารเล็กน้อย ขณะที่เงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี ที่ 7.66% ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark