วิกฤตราคาน้ำมัน โจทย์ใหญ่ ที่ยังแก้ไม่ได้

เช้านี้ที่หมอชิต - ราคาน้ำมันโลกที่ยังผันผวนลงแรงตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ก่อนจะกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่ใช่ราคาที่จะนอนใจได้ เพราะอาจปรับขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้

วิกฤตราคาน้ำมัน โจทย์ใหญ่ ที่ยังแก้ไม่ได้
ถึงจะปรับลดราคาน้ำมันเบนซินไปแล้ว แต่ถือว่ายังสูงอยู่ กระทรวงพลังงานจึงพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซิน มีรายงานว่าสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกรมธุรกิจพลังงาน อยู่ระหว่างจัดทำงบประมาณ เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือด้านวิกฤตพลังงาน

โดยกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ปัจจุบันได้รับความช่วยเหลือเฉพาะผู้ให้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ผ่านโครงการ "วินเซฟ" ด้วยการช่วยสนับสนุนค่าน้ำมันเดือนละ 250 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ทั้งหมด 106,655 สิทธิ งบประมาณ 80 ล้านบาท จากนี้ไปจะช่วยเหลือครอบคลุมผู้ใช้จักรยานยนต์ทั่วประเทศด้วย

ทีมข่าวของเราสอบถามผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่อาจจะได้รับเงินอุดหนุนจากกระทรวงพลังงาน พบว่าในแต่ละเดือนพวกเขามีรายจ่ายประมาณหมื่นกว่าบาท แม้เงินอุดหนุนที่มีการวางไว้จะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีการแบ่งเบาภาระให้พวกเขาเลย แต่ถ้าให้ดีกว่านี้อยากให้ควบคุมราคาน้ำมันให้ลดลงมาจะดีกว่า

"สนธิรัตน์" เตือนไทยรับมือเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องราคาน้ำมันยังคาดเดาได้ยาก ต้องพร้อมตั้งรับ แต่ที่น่าห่วงและคาดว่าจะส่งผลกระทบถึงปลายปีนี้ คือ สภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกว่า 0.75% หวังลดภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และหลาย ๆ ประเทศ คงใช้วิธีเดียวกันนี้

คุณสนธิรัตน์ อธิบายถึงคำว่าถดถอยว่าเป็นสภาวะที่เศรษฐกิจโตช้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง เช่น มีการจับใช้จ่ายสอยน้อยลงเพราะของแพง การเดินทางน้อยลงเพราะออกจากบ้าน 1 ครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ กระทบไปถึงภาคผลิต ของแพงก็ขายได้น้อย ต้องลดต้นทุนลงสินค้าบางอย่าง กำไรที่มีน้อยการจ้างงานก็ลดลง คนว่างงานก็เพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงต้องมีแนวทางแก้เศรษฐกิจที่แม่นยำและทันสถานการณ์บนงบประมาณที่จำกัด โดยมีความทุกข์ของประชาชนเป็นเดิมพัน

ด้าน นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมิน ภาวะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ยังมีโอกาสขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่, การส่งออกที่เติบโตแบบชะลอตัวลงจากปีก่อน โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ในขณะที่ภาวะหนี้ครัวเรือนไทย ซึ่งมีสัดส่วนที่ 89-90% ต่อจีดีพี จึงยังเป็นที่น่ากังวลว่า สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ไม่เอื้อให้รายได้ครัวเรือนเพิ่ม

ขณะที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb Analytics คาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ปัจจัยด้านพลังงานจะเป็นแรงกดดันให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น คาดว่าปัจจัยต้นทุนการผลิตจะไม่จบลงในระยะสั้น ราคาสินค้ามีแนวโน้มทยอยปรับตัวเพิ่มอีก

นักวิเคราะห์ห่วงเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ฟื้นตัวช้า
อีกตัวเลขหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมไทยแข็งแกร่งมาก แต่ล่าสุด ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยลดลงแล้วกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเหลือเงินสำรองอยู่กว่า 2.51 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เงินสำรองยังสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นถึง 2-3 เท่าแตกต่างจากปี 2540