ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

รายงานพิเศษ : จับชายเร่ร่อนเตะยาย ล้มศีรษะฟาดพื้น

ข่าวอาชญากรรม 13 กรกฎาคม 2565 - สนามข่าว 7 สี - ตำรวจตามรวบชายเร่ร่อนอายุ 28 ปี ที่ปรี่เข้าไปเตะยายอายุ 76 ปี จนล้มศีรษะฟาดกับพื้นหมดสติได้แล้ว ก่อนที่จะโดนจับเกิดอาการหลอนขึ้น ส่วนที่ทำร้ายคุณยายบอกเพียงว่า "ถึงคิวป้าแกพอดี" ชาวบ้านบอกว่า นี่ไม่ใช่เหยื่อคนแรก ชาวบ้านแถวนี้โดนก่อกวนไปทั่ว ไปลงสนามข่าวเรื่องนี้กับคุณพิธพงษ์ จตุรพิธพร

นี่คือ คลิปจากกล้องวงจรปิดที่เพจสายไหมต้องรอด โพสตคลิปคนร้ายเป็นชายทำร้ายคุณยาย อายุ 76 ปี ขณะเดินอยู่ภายในซอยพหลโยธิน 50 เขตสายไหม คนร้ายเดินผ่านมา และสวนคุณยายพอดี จึงใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้าจนคุณยายล้มลงศีรษะฟาดพื้นหมดสติ ช่วงกลางวันแสกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตอนนี้คุณยายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โดยแพทย์ตรวจพบว่ามีเลือดคลั่งในสมอง ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่จุดเกิดเหตุในซอยพหลโยธิน 50 แยก 1 พบว่าที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยว มีรถผ่านไปมานาน ๆ ครั้ง สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ ได้ หากมีคนร้ายเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่

ผู้ดูแลแฟลตของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า คุณยายอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว ปกติจะชอบเดินมาออกกำลังกายและไปทำธุระทุกเช้า วันเกิดเหตุคนร้ายตรงเข้ามาเตะคุณยายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไรเดอร์ส่งอาหารและชาวบ้านจึงเข้าไปช่วยเหลือ พบว่าคุณยายมีอาการหนักมากขึ้น จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

สอบถามชาวบ้านและแม่ค้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวให้ข้อมูลตรงกันว่า ชายคนนี้มาพักอาศัยอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า และในซอยพหลโยธิน 50 ได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ที่ผ่านมามักก่อกวนชาวบ้านไปทั่ว เริ่มตั้งแต่บุกรุก ขโมยของ ด่าทอ ลวนลาม แต่ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรงหนักถึงขนาดนี้ ทำชาวบ้านหวาดกลัวกันไปทั่ว โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและผู้หญิง

หลังเกิดเหตุไม่นาน ตำรวจไปจับกุมตัวชายคนนี้ได้ คือ นายพงษ์สันต์ สุวรรณศรี อายุ 28 ปี ซึ่งเดินอยู่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ตำรวจ สน.บางเขน สอบสวนผู้ต้องหาแล้วรับว่า เขาเป็นคนเร่ร่อน ก่อนเกิดเหตุดื่มสุรามา แล้วเดินสวนกับยายที่หน้าคล้ายโจทย์เก่าที่เคยด่าทอ จึงเข้าไปขอเงิน แต่ยายไม่ให้ จึงบรรจงเตะไปไม่นับ สาเหตุที่ตัดสินใจเตะเขาตอบว่า "ถึงคิวป้าแกพอดี" ตรวจย้อนไปพบมีคดีทุบงัดตู้เอทีเอ็มใกล้จุดเกิดเหตุอีกคดี จึงแจ้งข้อหาในคราวเดียวกัน

เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องเข้ามาแก้ไข เพราะจากการลงพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ยังไปเจอกับคนเร่ร่อนในบริเวณนี้อีกเป็นจำนวนมาก วันนี้อาจแค่อาศัยหากินหลับนอน แต่ในอนาคตไม่มีใครรับประกันได้ว่า คนเหล่าจะลุกขึ้นมาก่อเหตุอะไรที่จะรุนแรงไปมากกว่านี้ จนกลายเป็นเรื่องเศร้าสลดใจเกินที่จะรับผิดชอบได้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark