บุกจับ พิมรี่พายเมืองลาว หลอกลงทุน หอบเงินหนีเข้าไทย

ข่าวภูมิภาค 29 กรกฎาคม 2565 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเข้าจับกุมสามีภรรยาชาว สปป.ลาว ที่หลบหนีคดีฉ้อโกงทรัพย์เข้ามากบดานที่ประเทศไทย โดยฝ่ายหญิงเป็นแม่ค้าออนไลน์ มีฉายาคือ "พิมรี่พายเมืองลาว" ตามข่าวคือทั้งเปิดให้ประชาชนร่วมลงทุนเล่นแชร์ ค้าทอง ค้าเพชร ขายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบกล่องสุ่ม

ชุดปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หลังได้รับการประสานจากทางการ สปป.ลาว ให้ช่วยติดตามจับกุมสามีภรรยาที่ถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงทรัพย์ และคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย โดยผ่านด่านบริเวณสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 1 พร้อมกับเงินกีบ 20,000 ล้านกีบ เงินไทย 400 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 4 ล้านเหรียญ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบตัวทั้ง 2 คน เจ้าของบ้านที่ตอนแรกอ้างว่า ทั้ง 2 คน ออกจากบ้านไป 2-3 วันแล้ว บอกว่าจะเข้ากรุงเทพฯ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อ สุดท้ายก็ยอมบอกว่า ทั้ง 2 คน ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านคลอง 5 พร้อมพาตำรวจไปที่โรงแรมดังกล่าว ก็พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอยู่ภายในห้องพัก

ชุดจับกุมให้ข้อมูลว่า หญิงสาวที่ถูกจับกุมชื่อนางพอนทิบ อายุ 30 ปี เป็นนักธุรกิจ และแม่ค้าออนไลน์ มีฉายาว่า "พิมรี่พายเมืองลาว" ส่วนสามีชื่อ ท้าวอานุสิต อายุ 34 ปี ทั้งสองคนได้ร่วมกันทำธุรกิจขายทอง ขายเพชร และขายสินค้าออนไลน์ที่ สปป.ลาว โด่งดังมาจากการขายกล่องสุ่ม และมีภาพลักษณ์ที่เป็นคนสวย ช่วยเหลือชาวบ้าน ทำให้ได้รับความนิยมมากใน สปป.ลาว ต่อมาได้ชักชวนผู้เสียหายเล่นลอตเตอรี่ลาวออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นแชร์ โดยหลอกว่าจะให้ผลตอบแทนสูงร้อยละ 30-50 ต่อเดือน แต่สุดท้ายไม่จ่ายเงินให้ผู้เสียหายตามที่ตกลง และนำเงินจำนวนมากข้ามฝั่งมาไทย 

จากการตรวจค้น ตำรวจไม่พบเงินดังกล่าวอยู่ในห้องพัก โดยผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้นำเงินมาจำนวนมากขนาดนั้น พกมาเพียงประมาณ 40,000-50,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือได้ถูกทางการลาวอายัดบัญชีไปหมดแล้ว

ขณะที่ท้าวอานุสิต บอกว่า ไม่ได้เจตนาหนีคดีเข้ามาในไทย เพียงมาตั้งหลัก เพราะมีคนขู่ฆ่า ส่วนเรื่องโกงเงินผู้เสียหายนั้นก็ยืนยันไม่ได้มีเจตนาโกง เพราะได้จ่ายเงินให้แอดมิน 2 คน ไปดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้เสียหาย แต่แอดมินกลับโกงเงินดังกล่าวไป เรื่องนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมแจ้งดำเนินคดี

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาเข้ามาในราชอาณาจักรเกินเวลาที่กำหนด และส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจะประสานกับทาง สปป.ลาวให้มารับตัวไปดำเนินคดีต่อ