ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

แม่ร่ำไห้ ร้องสื่อ-ทนาย หลังลูกถูกชน แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล

เช้านี้ที่หมอชิต - มีครอบครัวหนึ่งลูกชายอายุ 17 ปี ได้รับอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ผ่านมา 2 เดือน ไม่ได้รับการเหลียวแลจากคู่กรณี ล่าสุดครอบครัวมาร้องทนายเดชา และสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะคู่กรณี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย"

เริ่มที่อุบัติเหตุช่วง 21.40 น. ของวันที่ 30 พฤษภาคม บริเวณถนนเทียนทะเล หน้าศาลเจ้าแม่กวนอิม แขวงแสมดำ ครอบครัวผู้เสียหายนำภาพจากกล้องวงจรปิดมามอบให้พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ปรากฎภาพรถกระบะกับรถจักรยานยนต์เบี่ยงเข้าหากัน โดยรถจักรยานยนต์มาทางซ้ายมือมีประกายไฟขึ้นเพราะรถล้มครูดพื้น ก่อนรถกระบะจะจอดเปิดไฟฉุกเฉินทันที 

จากนั้นตำรวจสน.ท่าข้าม ก็ติดตามหาตัวคนขับซึ่งทราบว่า เป็นชายอายุ 46 ปี โดยตอนแรกเจ้าตัวปฏิเสธ ว่าไม่ได้ชนเยาวชนคนนี้ แต่จากภาพวงจรปิด และหลักฐานรอยขอบล้อหน้าฝั่งซ้าย ทำให้คนขับยอมรับเพราะจำนนด้วยหลักฐาน 

ขณะผู้ประสบอุบัติเหตุซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉิน ก่อนถูกส่งไปที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม ระหว่างรักษาผู้เป็นแม่ต้องเสียน้ำตา เพราะคุณหมอบอกอาการของลูกสาหัสมาก เปอร์เซ็นรอดน้อย และถ้ารอดก็อาจเป็นเจ้าชายนิทรา

ระหว่างการรักษาบางช่วงลูกชายมีสติขึ้นมา ทำให่้คนเป็นแม่รู้สึกใจชื้นขึ้นมา แต่ว่าด้วยสิ่งที่หมอบอกก่อนหน้านี้ รวมถึงสภาพที่เห็นจึงต้องการเช็กให้แน่ใจว่าลูกชายยังจำตัวเองและผู้เป็นพ่อได้หรือไม่ ไปดูบรรยากาศช่วงนั้นครับ/ค่ะ

เยาวชนรายนี้สลบไป 17 วัน และเรียกว่ามีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย ตั้งแต่ด้านบนกะโหลกซีกขวา มีเลือดออกนอกชั้นเยื่อหุ้มสมอง สมองบวมฟกช้ำ กระดูกหู กระดูกเบ้าตาซ้าย โพรงกระดูกแก้ม และกระดูกขากรรไกรล่างซ้ายหัก ต้องผ่าเปิดกะโหลกศีรษะ ใส่โลหะยึดกระดูกใบหน้า ขากรรไกร กระดูกซี่โครงหัก มีเลือดออกในช่องอกซ้าย กระดูกแขนขวาหัก ใส่ท่อระบายเลือดไว้ที่ช่องอกทั้งสองข้าง

ก่อนฟื้น และเริ่มเข้าสู่สภาพปกติจนสามารถพูดคุยได้ ค่าใช้จ่ายราว 800,000 กว่าบาท แต่โชคดีได้รับสิทธิรักษา UCEP ผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลใกล้เคียง 72 ชั่วโมง ก่อนส่งต่อโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม

หลังลูกชายอาการดีขึ้นพ่อแม่พาเยาวชนเดินทางเข้ามาร้องเรียนต่อนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายคลายทุกข์ และสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะคู่กรณียังใช้ชีวิตปกติ และตลอดเวลาที่เกิดเรื่องตัวเองเรียกค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ พ่อ-แม่ต้องหยุดงานมาดูแลลูกจนขาดรายได้ และลูกก็ไม่รู้จะกลับมาปกติหรือไม่ เรียกค่าเสียหายไปราว 700,000 บาท แต่คู่กรณีปฏิเสธบอกไม่มีเงิน

ขณะเยาวชน บอกว่าตัวเองจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ คืนเกิดเหตุขับรถไปส่งสินค้าช่วง 21.00 น. เพราะเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อแบบพาร์ทไทม์และยังไม่เลิกงาน ในร้านเข้าเวร 3 คน ซึ่งระหว่างขี่รถมีรถกระบะเลี้ยวมาปาดหน้า และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็หลับไปเลย

ด้านนายเดชา ตั้งคำถามกับเรื่องนี้ 3 ประเด็นหลัก คือ กรณีที่คู่กรณีหรือผู้ต้องหาอ้างว่าไม่เงินชดใช้ ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อ หรือถ้าไม่มีจริงควรหยิบยืมคนอื่นมาใช้หนี้หรือเยียวยาครอบครัวนี้บ้าง แสดงเจตนาที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง หรือควรรับโทษคือเข้าคุก

อีกประเด็นคือกรณีนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องพนักงานสอบสวนไม่เคยสอบปากคำเยาวชนเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งที่เป็นเรื่องด่วน เพราะขณะเกิดเหตุผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ตำรวจต้องเร่งติดตามตัว และจนถึงตอนนี้เยาวชนออกมาใช้ชีวิต สามารถพูดได้ให้ปากคำได้แล้ว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใด ๆ

ส่วนประเด็นสุดท้ายคือกรณีนายจ้าง ใช้เด็กที่ยังไม่มีใบขับขี่ให้ไปขับรถส่งสินค้า ซึ่งขณะเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงเวลางาน ควรช่วยเหลือเยียวยาอะไรครอบครัวน้องบ้างไม่มากก็น้อย จึงอยากฝากให้นายจ้างทุกคนระมัดระวังเรื่องการใช้งานเด็กด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark