ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม เจ้าของดารุมะ ซูชิ ร่วมกันฟอกเงิน

เช้านี้ที่หมอชิต - วันนี้ตีตรงจุด พาไปแกะรอยคดีที่มีผู้เสียหายนับพันคน คือคดี "ดารุมะ ซูชิ" ที่ล่าสุดมีการรีแบรนด์ใหม่ เปลี่ยนชื่อ กลับมาเปิดให้บริการ โดยให้ใช้คูปองเดิม จองคิวกินอาหารได้ เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าคิดว่าเพราะอะไร ขณะที่ด้านคดี ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่ม ร่วมกันฟอกเงินกับผู้บริหารดารุมะ ซูชิ  ก่อนจะสรุปสำนวนต้นเดือนกันยายนนี้  

เป็นคดีดัง "ดารุมะ ซูชิ บุฟเฟต์ แซลมอน" ที่มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้า 26 สาขา ขายคูปองล่วงหน้าบุฟเฟต์ปลาแซลมอนและอาหารญี่ปุ่นต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน แต่จู่ ๆ ได้ปิดบริการโดยไม่ทราบสาเหตุ และติดต่อไม่ได้ ทำให้มีผู้เสียหายรวมตัวไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กกลุ่มคนรักบุฟเฟต์ โพสต์ภาพป้ายหน้าร้าน ดารุมะ ซูชิ สาขาอุดมสุข 58 ที่เปลี่ยนชื่อป้ายร้านใหม่เป็น มามา ดารุมะ ซูชิ เปิดให้บริการ มีเงื่อนไขให้ผู้ที่จะใช้คูปองบุฟเฟต์เดิมที่มีปัญหา ต้องจองล่วงหน้า 1 วัน พร้อมเตรียมหลักฐานการจ่ายเงินต่าง ๆ มาแสดง แต่เปิดแค่ 4 รอบต่อวันเท่านั้น

โดยเมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่ร้านนี้เปิดให้ผู้ที่มีคูปอง และโทรมาจองรอบ สามารถเข้าไปนั่งทานที่ร้านได้ หลังจากมีการจองคิวเต็มล่วงหน้าเป็นเดือน ซึ่งบรรยากาศพบว่ามีลูกค้านำคูปองมาใช้บริการ แต่คนยังบางตา หลายคนบอกว่าโทรไม่ติด และคิวยาวไปถึงปลายเดือนกันยายนแล้ว

ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี หลังจับกุม นายเมธา ชลิงสุข อายุ 39 ปี ผู้บริหารของ ดารุมะ ซูชิ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 1 ปคบ. เปิดเผยว่า นายเมธา เจ้าของดารุมะ ซูชิ ยังถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ ไม่ได้รับการประกันตัว แม้จะพยายามยื่นขอประกันตัวหลายครั้ง ศาลเห็นว่าเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง และมีผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 1,000 คน มูลค่าความเสียหายรวมที่แจ้งความ 35 ล้านบาท ทั้งกลุ่มของคนที่ซื้อคูปองไปใช้เอง และคนที่ซื้อไปจำหน่ายต่อ รวมถึงกลุ่มที่ซื้อเฟรนไชด์สาขา สอบปากคำไปเกือบทั้งหมดแล้ว

ซึ่งจากการไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตำรวจเตรียมเตรียมจะแจ้งข้อหาเพิ่มกับ นายเมธา อีก 1 ข้อหา คือ ร่วมกันฟอกเงิน คาดว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ต้นเดือนกันยายนนี้ และกำลังประสาน ปปง. ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินด้วย

ส่วนกรณีที่ทางร้านกลับมาเปิดให้บริการ และให้นำคูปองกลับมาใช้ได้ แม้จะเปลี่ยนชื่อร้าน เชื่อว่าเป็นความพยายามที่จะนำมาใช้เป็นข้อต่อสู้คดี ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะฉ้อโกงหรือทุจริต แต่คงจะไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะนำมาหักล้างทางคดีได้ เพราะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทางพฤติกรรมของผู้ต้องหาไว้ทั้งหมดแล้ว และความเสียหายของคดีนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว 

ทั้งนี้ ตำรวจ ปคบ. ยังได้ฝากเตือนไปถึงประชาชนที่คิดจะซื้อคูปองท่องเที่ยว หรือคูปองอาหารที่ลดราคา จนราคาถูกเกินกว่าจะเป็นไปได้ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคดีที่เกิดขึ้นจากการฉ้อโกง และแต่ละคดีมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก อยากให้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นการขุดบ่อล่อปลาในครั้งแรก ๆ เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก ก็จะกลายเป็นช่องทางนำเงินของเหยื่อไป จึงอยากให้ใช้วิจารณญาณให้ดีในการตัดสินใจ เพราะอะไรที่ถูกเกินควร คงไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark