บอส อยู่วิทยา รอดคดีเสพโคเคน เหตุหมดอายุความ

เช้านี้ที่หมอชิต - เชื่อว่าท่านผู้ชมคงยังจำคดี บอส วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถหรูชนตำรวจเสียชีวิต เป็นคดีดังเมื่อปี 2555 ล่าสุด ได้รับการเปิดเผยจากทางอัยการว่า คดีเสพโคเคน หนึ่งในสองข้อหาที่มีการส่งฟ้อง ขาดอายุความแล้ว เท่ากับตอนนี้เหลือแค่ข้อหาเดียวที่ยังเอาผิดได้ คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี จะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570

สาเหตุที่ทำให้คดีเสพโคเคนของ นายบอส ขาดอายุความนั้น นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายว่า เป็นผลจากการใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม ปีที่แล้ว ที่ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ซึ่งเดิมกำหนดโทษไว้ 6 เดือน ถึง 3 ปี อายุความคดีเสพโคเคนจึงอยู่ที่ 10 ปี โดยจะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายน ปีนี้ แต่ตามกฎหมายที่ออกมาใหม่ กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เท่านั้น ทำให้อายุความจาก 10 ปี ลดลงเหลือแค่ 5 ปี เท่ากับข้อหาเสพโคเคนของ นายบอส ขาดอายุความไปตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2560

เท่ากับในปัจจุบันคดีของ นายบอส เหลืออยู่เพียงข้อหาเดียว คือ การขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงมีอายุความ 15 ปี และจะขาดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570 ส่วนการติดตามตัวมาลงโทษนั้น จนถึงขณะนี้อัยการยังไม่ได้รับการประสานจากทางตำรวจ

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 นายบอส ซึ่งขณะนั้นอายุ 28 ปี ขับรถชน ดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต โดยมีความพยายามที่จะให้พ่อบ้านมารับผิดแทน แต่ไม่เป็นผล สุดท้าย นายบอส ต้องยอมเข้ามอบตัว ขณะที่ผลสอบคดีมีความล่าช้า

ทำให้หลายข้อหาทยอยขาดอายุความ ไล่ตั้งแต่ ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และ ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งมีอายุความ 1 ปี และข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร มีอายุความ 5 ปี ก่อนที่คดีจะหมดอายุความเพิ่มอีก 1 ข้อหา ในเรื่องเสพโคเคน รวมขาดอายุความทั้งหมด 4 ข้อหา

ต่อมาคดียังมีความพลิกผัน ทนายความของนายบอส ใช้เทคนิคทางกฎหมายขอความเป็นธรรมหลายครั้งหลายหน กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถจาก177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนนำไปสู่คำสั่งไม่ฟ้อง ลงนามโดย นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ซึ่งปัจจุบันถูกลงโทษให้ออกจากราชการไปแล้ว และปมค้าสำนวนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้ง ทนายความ ตำรวจในราชการและนอกราชการ รวมทั้งอัยการ รวม 15 คน