สปสช. แจงกรณีคุณยายร้อง ลูกสะใภ้เชิดเงินเยียวยาลูกชายเสียชีวิต 4 แสนบาท

เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีที่ คุณยายอายุ 80 ปี ร้องทุกข์ว่าถูกลูกสะใภ้เชิดเงิน 400,000 บาท ที่ สปสช. จ่ายเยียวยาให้กรณีลูกชายเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 และอาจมีการจ่ายเงินไม่ถูกต้องนั้น ล่าสุด สปสช. ได้ชี้แจงประเด็นคาใจในเรื่องนี้แล้ว

หลังคุณยายร้องขอความช่วยเหลือ น.ส.ธนิดา แจ้งจำรัส สำนักงานกฎหมายธนิดา หรือ ทนายนินู ได้ไปพบคุณยายที่บ้านพักใน อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเล่าว่า หลังลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นเสาหลักคอยหาเลี้ยงแม่ได้เสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนเข็ม 2 โดยลูกสะใภ้ได้ขอเงินจากตนเองและญาติไปรวมกว่า 20,000 บาท เพื่อจัดงานศพ จากนั้นไปยื่นเรื่องขอเงินเยียวยากับทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. โดยอ้างว่าเป็นคนออกเงินค่าจัดงานศพทั้งหมด ทั้งยังอ้างด้วยว่าคุณยายเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทาง สปสช. ก็ได้โอนเงินจำนวน 400,000 บาท เข้าบัญชีของลูกสะใภ้

หลังจากได้เงินแล้ว ลูกสะใภ้ก็เชิดเงินทั้งหมดหนีไป และตัดขาดการติดต่อทันที ทั้งยังทิ้งหนี้ที่เคยขอให้คุณยายไปกู้มาให้ไว้อีก ทำให้คุณยายต้องแบกรับหนี้แทน ในขณะที่ได้ข่าวว่า ตัวลูกสะใภ้เองไปซื้อรถใหม่ ซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ และซื้อทองใส่ แต่ตัวคุณยายทุกวันนี้ประทังชีวิตด้วยไข่ไก่แค่มื้อละฟองเท่านั้น ที่ช้ำหนักกว่านั้น คือ บ้านกำลังจะถูกยึด เพราะยังเหลือหนี้ที่กู้มาซื้อบ้านค้างอยู่อีก 200,000 บาท จนต้องทยอยขายรถและข้าวของในบ้านจนแทบจะหมด เพื่อนำเงินผ่อนส่งหนี้ให้ธนาคารไปก่อน จึงอยากวอนขอความเห็นใจจากลูกสะใภ้ช่วยคืนเงินให้เพียงครึ่งหนึ่งก็ยังดี เพื่อนำไปปลดหนี้กับทางธนาคาร

ด้าน ทนายนินู เปิดเผยว่า จะยื่นหนังสือร้อง สปสช. ว่าเหตุใดจึงจ่ายเงินเยียวยาให้กับหญิงคนดังกล่าว ทั้งที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เสียชีวิต และไม่ได้มีบุตรร่วมกัน ทั้งยังนำเอกสารพิมพ์ลายนิ้วมือลูกชายคนโตของคุณยายซึ่งนอนป่วยติดเตียง เป็นเสมือนบุคคลไร้ความสามารถ ไปประกอบการยื่นขอเงินเยียวยา

ทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามเรื่องนี้ไปยัง สปสช. ซึ่ง ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ในฐานะโฆษก สปสช. ชี้แจงว่า กรณีนี้ สปสช. ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนตามขั้นตอน เนื่องจากตามระเบียบกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ยื่นคำร้องต้องเป็นผู้รับบริการ ทายาท หรือผู้อุปการะ ซึ่งในกรณีนี้ภรรยาเป็นผู้ยื่นคำร้อง โดยทาง สปสช. ได้ตรวจสอบหลักฐานเข้ารับการรักษาจากทางโรงพยาบาล พบว่าผู้ที่ยินยอมให้รับการรักษาเป็นภรรยา ประกอบกับขอหลักฐานเพิ่มเติมจากญาติซึ่งเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต ยินยอมปั๊มลายมือให้ยื่นคำร้องได้ ทางคณะกรรมการฯ จึงไม่คัดค้าน อนุมัติจ่ายเงิน 400,000 บาท ตามกระบวนการ

ส่วนกรณีที่ผู้เป็นแม่จะยื่นอุทธรณ์การจ่ายเงินเยียวยา ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ยื่นเรื่องรับเงินตั้งแต่ต้น