อดีตทหารหญิงถูกทารุณ แจ้งความเอาผิดเจ้านายโหดแล้ว
เช้านี้ที่หมอชิต - เป็นเรื่องที่ช็อกสังคมไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ กรณี "อดีตทหารหญิง" คนหนึ่ง ไปอยู่กับเจ้านายมีดีกรีเป็นถึงตำรวจสันติบาล แถมยังอ้างเป็นภรรยาของ สว. ถูกเจ้านายทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงในยามที่ไม่ถูกใจ ทั้งใช้ที่ช็อตไฟฟ้าจี้ตามร่างกาย ใช้ไม้ฟุตเหล็กสับหน้า ใช้ไม้ตีดั้งจมูกหักและหัวแตก หนักเข้าถึงขั้นฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์จุดไฟเผาหัวเธอมาแล้ว เมื่อวานนี้อดีตทหารหญิงคนนี้ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี แล้ว
โดย นายกัน จอมพลัง ได้พาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตทหารหญิงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี หลังถูกนายจ้าง ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นภรรยาสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. และยังทำงานเป็นตำรวจยศสิบตำรวจเอกหญิง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตามตัว หลังจากเข้าไปทำงานดูแลรับใช้ภายในบ้านมานานเกือบ 3 ปี
โดยหลังเข้าไปทำงาน 1 ปีครึ่ง เริ่มถูกทำร้าย เมื่อทำสิ่งใดให้เจ้านายไม่ถูกใจ โดยเฉพาะช่วง 4-5 เดือนหลัง ความรุนแรงยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หนำซ้ำเงินเดือนที่ได้จากการเป็นทหารก็ยังต้องแบ่งให้นายจ้างหญิงคนนี้ถึง 8,000 บาทต่อเดือนด้วย
อดีตนายทหารหญิงคนนี้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่คิดหนีหรือต่อสู้ เหตุเพราะกลัวความปลอดภัยของครอบครัว จนเคยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตายเพื่อยุติเรื่อง แต่ครอบครัวเห็นผิดสังเกต จึงเดินทางมาเยี่ยมจนเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือไว้ได้ก่อน จนถึงขณะนี้ยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เนื่องจากคนผิดยังลอยนวล
ส่วนประเด็นมีมือมืดข่มขู่ทีมให้การช่วยเหลือ ซึ่งรวมถึงสื่อมวลชนด้วยนั้น นายกัน จอมพลัง พร้อมทีมทนายความ ประกาศชัดเดินหน้าช่วยเหลืออดีตนายทหารหญิงคนนี้ต่อไป
ขณะที่ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ออกเอกสารชี้แจงผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหา คือ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ปัจจุบันช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี
สำหรับข้าราชการตำรวจ หากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามฐานความผิด ก็ต้องรายงานตัวผู้ต้องหาคดีอาญาเพื่อสอบสวนทางวินัย ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสันติบาล จะขอผลการดำเนินคดีอาญาจาก สภ.เมืองราชบุรี เพื่อดำเนินตามขั้นตอนทางวินัยต่อไป
ด้าน พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4 และรอง ผอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวยอมรับว่า จากการตรวจสอบรายชื่อเจ้านายหญิงก็พบว่า บรรจุช่วยราชการอยู่ใน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าจริง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับหน่วย จึงตั้งกรรมการสอบสวน หากเป็นเรื่องจริงก็ให้พ้นหน้าที่ ส่งตัวกลับต้นสังกัด ดำเนินการลงโทษต่อไป
ส่วนประเด็นว่า เอาเพียงชื่อของเจ้านายหญิงรายนี้มาใส่ไว้โดยที่ตัวไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.ปราโมทย์ ชี้แจงว่า ต้องมาทำงานเพราะบรรจุ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้หญิงรายดังกล่าวกำลังพักอยู่
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องตามต่อในอีกหลายประเด็น ทั้งการนำอดีตทหารหญิงเข้าสู่ระบบงานของทหาร และยังขอตัวมาช่วยราชการให้รับใช้ตนได้ทั้ง ๆ ที่เจ้านายหญิงคนนี้เป็นตำรวจ, การเอาเงินเดือนของอดีตทหารหญิงไป, การทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิงอย่างสาหัส ทั้ง ๆ ที่ตัวเองทำหน้าที่เป็นตำรวจ พิทักษ์ดูแลประชาชน
