ตีตรงจุด : นับถอยหลัง 8 ปี วาระนายกฯ

เช้านี้ที่หมอชิต - ตีตรงจุดวันนี้ ปักหมุดสถานการณ์ร้อนทางการเมือง ว่าด้วยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งในมุมมองของฝ่ายค้านจะครบเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ มีประเด็นที่ต้องตามแบบคู่ขนานคือ เรื่องในมือศาลรัฐธรรมนูญ และความเคลื่อนไหวบนท้องถนนเป็นอย่างไร ไปตีตรงจุดกันเลย

วันสุดท้าย 8 ปี นายกรัฐมนตรี หลายกลุ่มชุมนุมกดดัน
เชื่อว่าหลายฝ่ายคงตั้งเวลานับถอยหลังกันเลย หลังปักหมุดไว้ที่เวลาเที่ยงคืนของวันนี้ จะถือว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี โดยจะเคลื่อนไหวของสองกลุ่มหลัก คือ คณะราษฎร 38 กลุ่ม 4 ภาค นำโดยรุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และคณะหลอมรวมประชาชน เป็นการจับมือระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ

โดยคณะหลอมรวมประชาชน นัด 16.00 น. เจอกันที่ลานคนเมือง จากนั้นคงดูหน้างานกันอีกทีว่าผู้ชุมนุมมากน้อยแค่ไหน ยกระดับการชุมนุมกันอย่างไร แต่ยืนยันว่าหาก พลเอกประยุทธ์ไม่ออกภายในเวลา 24.00 น. ก็จะยกระดับการชุมนุม และให้สถานการณ์เป็นตัวกำหนด  

นอกจากคณะหลอมรวมประชาชน และกลุ่มประชาชนคนไทย ที่นัดกันที่ลานคนเมืองแล้ว ในเวลาไล่เลี่ยกันกลุ่ม 14 ขุนพลคนราษฎร ก็จัดกิจกรรมขีดเส้นตายไล่เผด็จการ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เริ่มเวลา 17.00 น. 

ขณะที่ในวันที่ 24 สิงหาคม เวลา 14.00 น. กลุ่มราษฎรไล่ตู่ คนแดงปฏิวัติ จะจัดกิจกรรมบริเวณแยกราชประสงค์ และจะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

355 นักกิจกรรม จี้นายกรัฐมนตรีลาออก สกัดวิกฤตการเมือง
นอกจากนี้ยังมี 355 นักกิจกรรม ร่วมลงชื่อและออกแถลงการณ์ในนามเครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลาครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ทันที ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รุนแรง เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งนักศึกษา ประชาชนพากันเดินขบวนขับไล่โค่นล้มอำนาจที่ขาดความชอบธรรม

ผลโหวตประชาชนกว่า 93 % ให้นายกรัฐมนตรี พอแค่นี้
ไม่เพียงการรณรงค์ให้ประชาชนแสดงออกด้วยการชุมนุมเท่านั้น สื่อหลายค่ายยังร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการ 8 มหาวิทยาลัย จัดให้ประชาชนร่วมกันโหวตวินิจฉัยว่า พลเอกประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีหรือไม่ ซึ่งมีผู้โหวตว่าไม่ควรมากถึง 348,511 โหวต หรือคิดเป็น 93.17 % ส่วนที่เห็นว่าควรอยู่ในตำแหน่งต่อไป มีจำนวน 25,552 โหวต คิดเป็น 6.83 % เท่านั้น

เปิดขั้นตอนศาล รธน. วินิจฉัยปม 8 ปี นายกรัฐมนตรี
ส่วนอีกด้านที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือ คำร้องของฝ่ายค้านที่ประธานรัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหรือไม่ จากนั้นต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับคำร้องหรือไม่ ด้วยวิธีตั้งคณะตุลาการ 4 คน พิจารณาก่อนส่งให้องค์คณะทั้ง 9 คน หรือองค์คณะตุลาการทั้ง 9 จะพิจารณาและมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาเลย

สำหรับระยะเวลาพิจารณา ปกติที่มีผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ศาลอาจให้ผู้ถูกร้อง ซึ่งในกรณีนี้คือ พลเอกประยุทธ์ ยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หรือน้อยกว่า 15 วันได้ และศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาในการไต่สวนข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน แต่หากเห็นว่ากรณีนี้เป็นกรณีเร่งด่วน มีข้อกฎหมายหรือพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว ก็ไม่ต้องไต่สวน ส่งผลให้การพิจารณาคดีรวดเร็ว

อีกเรื่องที่ต้องจับตาคือ คำร้องของฝ่ายค้านยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พลเอกประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย

"วิษณุ" ชี้นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ "บิ๊กป้อม" ทำแทน
ซึ่งในวันนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เตรียมชี้แจงทำความเข้าใจคณะรัฐมนตรี ในขั้นตอน หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทน โดยพลเอกประยุทธ์ ยังทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปได้ และหากพลเอกประยุทธ์ พ้นตำแหน่ง ก็จะต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามขั้นตอนของรัฐสภา

ขณะที่เจ้าตัว พลเอกประยุทธ์ ยังสงวนท่าทีต่อเรื่องนี้ เป็นไปตามที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี ระบุไว้เมื่อวานว่าขอให้เป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ออกความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้จากการเปิดเผยของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็บอกนายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับ หรือสั่งการเป็นพิเศษในการดูแลรับมือผู้ชุมนุม ที่จะมากดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง

กกต.ตีตกคำร้อง "ศรีสุวรรณ" ไม่ส่งศาล รธน. ปม 8 ปี นายกฯ
และเมื่อวานนี้ มติ กกต. ตีตกคำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ขอให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปม 8 ปี นายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า ประธานรัฐสภายื่นคำร้องไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก

เปิดข้อกฎหมาย 2 ฝ่าย ปม 8 ปี นายกรัฐมนตรี
คราวนี้เรามาไล่เรียงกันหน่อย กับประเด็น 8 ปี ไปต่อ หรือพอแค่นี้ กับข้อกฎหมายที่ 2 ฝ่ายถกเถียงระหว่างฝ่ายสนับสนุนให้อยู่ต่อ กับฝ่ายที่เห็นว่าควรพอแค่นี้ โดยฝ่ายหนุนให้อยู่ต่อเห็นว่า ต้องนับวาระ 8 ปี หลังเลือกตั้งปี 62 เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 158 กำหนดเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญ159 มาจากบัญชีนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากคิดแบบนี้ ก็เท่ากับอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งหมด จะมีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ไม่ต้องนับย้อนหลัง ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้

ส่วนฝ่ายที่เห็นว่า ครบวาระ 8 ปีแล้ว มี 4 เหตุผลมาสนับสนุน ไล่ตั้งแต่ยึดวรรคท้ายของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ที่ระบุ "นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่ไม่ให้นับรวมระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่หลังพ้นจากตำแหน่ง"

บทเฉพาะกาล มาตรา 264 ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน อยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้...

ความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคท้าย ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดอำนาจ จนกลายเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดวิกฤตการเมือง

ปี 2562 ป.ป.ช.ให้เหตุผลที่นายกฯ และรัฐมนตรีอีกหลายคนในยุค คสช. ใน ครม.หลังเลือกตั้ง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. เพราะเป็นการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง

หลังจากนี้ก็ต้องติดตามต่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำชี้ขาดออกมาอย่างไร

ขณะความเคลื่อนไหวของตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เตรียมกำลังไว้ดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก โดยยึดเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ ป้องกันไม่ให้มีการปะทะหรือนำไปสู่ความรุนแรง และให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย โดยจะแถลงข่าวเวลา 10.30 น. ถึงมาตรการและแนวทางในการรับด้านต่าง ๆ

ทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิต ตรวจสอบข้อมูลการดำเนินคดีผู้ชุมนุมย้อนหลัง พบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน มีคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร 848 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 497 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 351 คดี โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีแล้ว 752 คน ส่วนใหญ่เป็นคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รองลงมาจะเป็นคดีอาญาทั่วไปที่เกิดขณะชุมชุน และเป็นคดีตามมาตรา 112