ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ตีตรงจุด : เปิดโปงทุกปัญหา กล้าพูดความจริง เปิดเรื่องคาใจประชาชน ปมตำรวจหญิงทารุณอดีตทหารรับใช้

เช้านี้ที่หมอชิต - ตีตรงจุด วันนี้ ปักหมุดเรื่องดังที่เรียกว่ากลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ต่อเนื่องมาหลายวันติด เพราะประเด็นครบรสจริง ๆ มีทั้งดรามาจากการทารุณกรรมเหยื่อ แถมคนก่อเหตุยังอ้างตัวเป็นเมียน้อยสมาชิกวุฒิสภา เรื่องราวยังกะเทาะไปถึงระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย หลังมีการเปิดข้อมูลการเข้ารับราชการตำรวจของทั้งผู้ก่อเหตุ และการเข้ารับราชการทหารของเหยื่อ ที่ส่อไปในทางไม่ถูกต้อง ซึ่งเราจะตีแผ่ในเรื่องนี้ รวมถึงหาคำตอบจากคำถามที่ยังคาใจประชาชนกันด้วย ไปตีตรงจุดกันเลย

เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ เราทำแผนผังจากข้อมูลของสิบตำรวจโทหญิง ผู้ก่อเหตุทำร้ายทหารหญิงรับใช้ ที่ตอนนี้สิ้นอิสรภาพ อยู่ในเรือนจำกลางราชบุรีกันก่อน

เริ่มจากข้อมูลแรก เธออ้างว่าเป็นเมียน้อยสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่ง และจากสายสัมพันธ์นี้ ทำให้เธอมีโอกาสเข้ารับราชการตำรวจ จนติดยศสิบตำรวจโทในปัจจุบัน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังถือเป็นตำรวจพิเศษที่สามารถฝากผู้หญิงอีกคนหนึ่งเข้าไปเป็นทหาร และยังมีพลกำลังโยกเอาทหารหญิงคนนั้นออกจากกำลังพล มาประจำรับใช้ที่บ้านตัวเอง

กลายเป็นคำถามตัวโต ๆ ในใจประชาชนว่า หากคำกล่าวอ้างของสิบตำรวจโทหญิงคนนี้เป็นความจริง เท่ากับกำลังมีใครบางคนใช้เงินหลวงไปจ่ายเงินเดือนเมียน้อยกับคนรับใช้หรือไม่

นั่นเป็นคำถามแรกที่ยังไม่มีคำตอบ และยังไม่มีสมาชิกวุฒิสภาคนใดกล้าแอ่นอกออกมายอมรับว่า มีสายสัมพันธ์กับตำรวจหญิงคนนี้ และยังร้อนไปถึงสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่ตอนที่ข่าวออกมาใหม่ ๆ ถูกโลกโซเชียลจับจ้องสงสัย อย่าง สว.วันชัย สอนศิริ ที่ออกมาชี้แจงว่า ไม่ใช่ตัวเอง เพราะไม่สามารถเอาใครเข้าเป็นทหาร-ตำรวจได้ แค่คิดจะมีเมียน้อย แค่คิดก็เตรียมตัวตายได้แล้ว

มาถึงคำถามที่สองของประชาชน คือ ทำไมสิบตำรวจโทคนนี้อายุเกินเกณฑ์ 35 ปี แต่กลับเข้ารับราชการตำรวจได้ แถมมีความพิเศษเพิ่มเติม คือ เป็นตำรวจสันติบาล แต่ชื่ออยู่ในสังกัด กอ.รมน.ภาคสี่ส่วนหน้า ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แต่ทำไมตัวอยู่ที่ราชบุรี เท่ากับนอกจากได้เงินเดือนแล้ว ยังกินฟรีเบี้ยเสี่ยงภัย และได้นับเวลาราชการทวีคูณ ทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริงใช่หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจก็ออกมาชี้แจงกันบ้างแล้ว ไปฟังคำอธิบายทำไมอายุเกินเกณฑ์แต่เข้ารับราชการตำรวจได้

จากคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่ายกเว้นหลักเกณฑ์ให้เพราะสำนักงานงบประมาณฯ ขาดแคลนผู้มีคุณวุฒิด้านบัญชี ซึ่ง ส.ต.ท.หญิง ใช้วุฒิ ปวส. ที่จบด้านบัญชี จึงผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกเข้ามา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็น่าจะทนุถนอม เอาไว้ใช้งานด้านนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกโยกไปเป็นตำรวจสันติบาล ก่อนจะถูกขอตัวไปช่วยราชการที่ กอรมน.ภาคสี่ ส่วนหน้า

สอดรับกับข้อมูลของ พลตำรวจตรี อุดร วงษ์ชื่น ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ที่ชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า ย้ายมาจากหน่วยอื่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มีการย้ายพร้อมกันกว่า 100 คน จากนั้นเข้ามาทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็ถูกให้ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งลักษณะการทำงาน ในด้านงานข่าว ปัจจุบันเรียกตัวกลับ และตั้งกรรมการสอบแล้ว

ทีมข่าวยังตรวจสอบรายได้ของ ส.ต.ท.หญิง รายนี้ ซึ่งอยู่ในสายงานอำนวยการ พบว่า ยศสิบตำรวจตรีถึงสิบตำรวจเอก จะรับเงินในเรท ป.1 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2558 ฉบับที่ 3 ซึ่งเงินเดือนจะอยู่ที่ 4,870-21,480 บาท และจะไม่มีเงินค่าประจำตำแหน่ง

แต่กรณีที่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ยังจังหวัดชายแดนใต้ สิ่งที่จะได้เพิ่มเติม คือ ค่าเสี่ยงภัย และ ค่าเบี้ยเลี้ยง ซึ่งสายอำนวยการจะรับเบี้ยเลี้ยงในอัตราของสายปราบปราม หรือรวมเป็นเงิน 8,640 บาทต่อเดือน

ส่วนเรื่องชั้นทวีคูณจะไม่มีผลกับ ส.ต.ท.หญิง รายนี้ เพราะการคำนวณชั้นทวีคูณ จะมีผลเฉพาะนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่รวมในส่วนของค่าประสานงาน สว.

ส่วนปมกรณีจะขอโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยอื่น ชั้นประทวนจะต้องทำงานมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ส่วนชั้นสัญญาบัติจะต้องทำงานไม่ต่ำกว่า 4 ปี จึงสามารถขอย้ายหน่วยได้

สำหรับปมปัญหาเด็กเส้น เด็กฝากในแวดวงตำรวจนั้น ก็มีคำถามมาตลอดว่าจะจบปัญหานี้ได้หรือไม่ โดยมีความพยายามร่างกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ ให้การแต่งตั้ง โยกย้าย เป็นธรรม ซึ่งร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ก็ผ่านความเห็นชอบของสภาไปตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นร่างกฎหมายปฏิรูปที่ใช้เวลาพิจารณานานที่สุด

เนื้อหาสำคัญ คือ มีการตัดกฎ ก.ตร. พ.ศ.2561 มาตรา 14 ที่ระบุไว้ การคัดเลือกหรือแต่งตั้งที่มิได้เป็นไปตามกฎ ก.ตร. นี้ จะกระทํามิได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร. ซึ่ง พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 บอกว่า มาตรา 14 นี้ คือ ช่องว่างของกฎหมายที่ทำให้ตำรวจทุกนายทั่วประเทศไม่เท่าเทียม และตำรวจที่มีอำนาจสามารถโยกย้าย แต่งตั้ง ได้ตามอำเภอใจ

นอกจากนี้ ยังมีคำถามไปถึงกองทัพบก ถูกยัดเด็กฝาก เด็กเส้น เข้าเป็นทหารหญิงจริงหรือไม่ และทำไมมีการส่งทหารหญิงไปรับใช้ผู้ก่อเหตุ

โดยจากปากคำของเหยื่อ เล่าว่า ได้รับการฝากฝังให้เป็นทหารโดยสิบตำรวจโทหญิง พร้อมคำสัญญา เมื่อได้เป็นทหารแล้วต้องมาเป็นคนรับใช้ส่วนตัว ซึ่งสุดท้ายเธอได้เป็นทหารจริง ๆ ติดยศ สิบตรีหญิง ก่อนจะลาออกจากราชการในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

อีกประเด็นที่เป็นคำถามตัวโต ๆ และเกี่ยวพันกับคดีโดยตรง คือ ใบรับรองแพทย์ที่สิบตำรวจโทหญิงนำมาใช้เป็นหลักฐานว่าป่วย ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อมีอารมณ์โมโห จากการสืบค้นข้อมูลของทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิต พบว่า สิบตำรวจโทหญิงรายนี้ เคยเข้ารับการรักษาภาวะการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เมื่อมีโทสะ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อปี 2556-2557 รวม 6 ครั้ง จากนั้นก็ไม่เคยเข้ารับการรักษาอีกเลย จนกระทั่งวันที่ตัดสินใจมอบตัว โดยก่อนมอบตัวเพียง 1 วัน ก็เข้าไปพบแพทย์ เพื่อขอให้แพทย์เขียนใบรับรองอาการป่วยที่เกิดขึ้นให้

ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของวานนี้ ตำรวจได้ขอเบิกตัวผู้ต้องหาออกจากเรือนจำ เพื่อนำไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี โดยให้องค์คณะแพทย์จิตเวชตรวจร่างกาย และประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4-5 วัน ถึงจะมีผลสรุปออกมาอย่างแน่ชัดว่า ผู้ต้องหาป่วยเป็นโรคจิตเวชหรือไม่

ทั้งนี้ คำตัดสินเรื่องอาการป่วยด้านจิตเวชของผู้ต้องหาจะมีผลต่อการดำเนินคดี เพราะหากเป็นผู้ป่วยจิตเวชก็ต้องได้รับการรักษา ก่อนจะเข้าไปรับโทษในสิ่งที่กระทำผิดลงไป

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark