เปิดหลักฐาน ส.ต.ท.หญิง โยงสายสัมพันธ์ สว.

เช้านี้ที่หมอชิต - เปิดเอกสารหลักฐาน สิบตำรวจโทหญิง อบรมหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า โยงสายสัมพันธ์กับ สนช. ที่ขณะนี้ยังรั้งตำแหน่ง สว. ด้วย ขณะที่ แฟนหนุ่มสิบตำรวจโทหญิง เตรียมเข้าให้ปากคำตำรวจวันนี้

ความคืบหน้าคดี สิบตำรวจโทหญิง ทารุณลูกจ้าง ซึ่งเป็นอดีตทหาร หลังเมื่อวานผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และที่ สภ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ดำเนินคดีกับน้องชายนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของ ส.ต.ท. ที่ร่วมทำร้ายร่างกาย

ล่าสุด พ.ต.อ.วายุภักษ์ วงศ์ศักดิรินทร์ ผู้กำกับการ สภ.ชะอำ เปิดเผยว่า หลังร่วมสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ และได้พาไปชี้จุดเกิดเหตุที่โดนทำร้ายร่างกายที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ในอำเภอชะอำ ก่อนนำผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชะอำอีกครั้งหนึ่ง พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนตั้งข้อหาทั้ง 2 คน คือ น้องชายนักการเมืองราชบุรี และ สิบตำรวจโทหญิง เพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
  
ซึ่งวันนี้ (25 ส.ค.) นายคมสิทธิ์ จังพานิช แฟนหนุ่มของสิบตำรวจโทหญิง พร้อมทนายความ จะเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และ ที่ สภ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรายงานตัวและให้ปากคำกับตำรวจ โดยก่อนหน้านี้เขายอมรับว่า รับรู้การกระทำของแฟนสาว และเคยทำโทษอดีตทหารหญิงรับใช้ด้วย เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พร้อมตั้งข้อสงสัยอดีตทหารรับใช้ กำลังเป็นเครื่องมือของใครหรือไม่

โดยในวันพรุ่งนี้ 26 สิงหาคม พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงความคืบหน้าของคดี ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดราชบุรี

ขณะที่มีการเผยแพร่เอกสารรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรวุฒิบัตรการปฏิบัติงาน สนับสนุนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รุ่นที่ 6 ของสถาบันพระปกเกล้า มีผู้ผ่านการคัดเลือก 53 คน หนึ่งในนั้นมีชื่อของสิบตำรวจโทหญิงรวมอยู่ด้วย ซึ่งสามารถสาวไปได้ว่า สิบตำรวจโทหญิงมีสายสัมพันธ์กับ สนช. คนใด ที่ขณะนี้ยังรั้งตำแหน่ง สว. อยู่ด้วย

คดีนี้ไม่เพียงสะเทือนใจผู้คนในสังคม แต่ยังสะท้อนระบบอุปถัมภ์ที่มีฝ่ายการเมืองเป็นแกนกลาง และเชื่อมไปทั้งแวดวงทหารและตำรวจ ในเรื่องการฝากเด็กเข้าทำงาน ท่ามกลางข้อสงสัยใครใช้เส้นสายเบียดบังเงินหลวง ไปจ่ายเงินเดือนให้เมียน้อยกับคนรับใช้หรือไม่ และยังมีข้อกังขาว่า ทำไมสิบตำรวจโทหญิงคนนี้อายุเกินเกณฑ์ 35 ปี แต่กลับเข้ารับราชการตำรวจ แถมเป็นตำรวจสันติบาล แต่ชื่ออยู่ในสังกัดทหาร กอ.รมน.ภาคสี่ส่วนหน้า ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แต่ทำไมตัวอยู่ที่ราชบุรี เท่ากับนอกจากได้เงินเดือนแล้ว ยังกินฟรีเบี้ยเสี่ยงภัย

แม้ตำรวจออกมาชี้แจง แต่ก็ถูกตั้งคำถามถึงความย้อนแย้ง เพราะการรับสิบตำรวจโทหญิงรับราชการมีเงื่อนไขพิเศษที่เชี่ยวชาญด้านบัญชี แต่ทำงานได้ไม่นาน ก็โอนย้ายไปอยู่สันติบาล ก่อนขอตัวไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทำงานด้านข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีเลย จนต้องมีการตั้งกรรมการสอบการเข้ารับราชการได้อย่างไร

ส่วน กองทัพบก มีเพียงคำชี้แจงว่า ทหารหญิงรับใช้รับราชการทหาร และลาออกไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่เหตุใดจึงไปรับใช้สิบตำรวจโทหญิง ไม่มีคำอธิบายในเรื่องนี้

สังคมจึงมองว่าไม่ควรหยุดอยู่แค่การดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แต่ต้องสาวให้ถึงเบื้องลึกการใช้ระบบอุปถัมภ์ เพื่อลงโทษทั้งทางจริยธรรมและกฎหมาย กับคนที่แปลงเงินหลวงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว