เช้านี้วิถีไทย : หมู่บ้านทอผ้าเอเปก ถิ่นช้างใหญ่ จ.สุรินทร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ปีนี้ ไทยรับหน้าทีเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมเอเปคแต่หากย้อนไป ปี 2546 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ผ้าไหมไทยเคยเป็นตราตรึงใจจากคนทั่วโลก ซึ่งเป็นของดีจากจังหวัดสุรินทร์ เช้านี้วิถีไทยวันนี้จะพาไปชมแหล่งที่มาของ "หมู่บ้านทอผ้าเอเปก" ที่ ถิ่นช้างใหญ่ จังหวัดสุรินทร์กัน กับคุณบัวบูชา ปุณณนันท์
"สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม" คำขวัญประจำจังหวัดสุรินทร์ที่รวมเอาทุกความดีงามของจังหวัดเข้าไว้ด้วยกัน
มาถึงที่แบบนี้ ก็ต้องไปหาเจ้าถิ่นก่อนเลย
หมู่บ้านช้างแห่งนี้ มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม ด้วยจำนวนช้างที่มากถึง 700 เชือก ทำให้ที่นี่ กลายเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ยิ่งใหญ่จริงๆ ไม่ใช่แค่ไซส์ แต่คือความสามารถ ดูสิวาดรูป ก็ได้ เต้นรำ ก็ดี การกีฬาก็เด่น หรือจะปวดเมื่อยตรงไหน ขอให้บอก เดี๋ยวน้องเหยียบให้
เก่งแบบนี้ต้องยกเครดิตให้ชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นชาวส่วย และมีวิธีการฝึกหัดช้างและเลี้ยงช้างที่เป็นเอกลักษณ์
เรายังสามารถสัมผัสวิถีชีวิตช้างได้ วันที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ไม่ต้องรอสงกรานต์ก็เปียกได้
ชาวบ้านบอกว่าถ้าช้างพ่นโคลนใส่ จะโชคดี สงสัยดิฉันจะโชคดีมาก ๆ เลย
สุรินทร์ ไม่ได้มีดีแค่ช้างใหญ่อย่างเดียวนะ แต่ยังมีอีก 1 ทีเด็ดที่ซ่อนอยู่ในคำขวัญจังหวัด
"ผ้าไหมสุรินทร์"
เราพาไปกันที่ บ้านท่าสว่าง หรือที่รู้จักกันในนาม "หมู่บ้านทอผ้าเอเปก" เนื่องจากผ้าทอของที่นี่ได้รับการคัดเลือก เพื่อนำไปตัดเสื้อผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจที่มาร่วมประชุมผู้นำเอเปก เมื่อปี 2546 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เป็นแกนนำในการรวบรวมชาวบ้านท่าสว่างที่ทอผ้าฝีมือดี มารวมกลุ่มกันทอผ้าที่มีลวดลายผสมผสานกันระหว่างลวดลายการทอสลับซ้อนดิ้นทองแบบราชสำนัก ผสมกับเทคนิคการทอผ้าแบบพื้นบ้าน จนกลายเป็นผ้าไหมยกทองโบราณ
จังหวัดสุรินทร์อยู่ไม่ไกลจากกัมพูชา จึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมเขมร มาอยู่ในรูปแบบของผ้าโฮล
ต้องใช้ช่างทอถึง 4 คนต่อหนึ่งผืน หนึ่งวันทอได้เพียง 4-5 เซนติเมตร
วันนึง ผ้าไหมเหล่านี้ จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้
เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่ปรากฎอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดในอีสานใต้แห่งนี้ ที่รอให้ทุกคน มาซึบซับไปพร้อม ๆ กัน ที่นี่…สุรินทร์
