ตัวแทนลูกจ้าง ชี้การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ยังน้อยไป

ข่าวภาคค่ำ - หลัง คณะกรรมการค่าจ้าง ประกาศขยับอัตราจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศไปแล้ว มีการประเมินกันว่า หลังจากนี้ต้องจับตาเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟืน อาจจะฟุบ เนื่องจากปัจจัยลบเรื่องค่าแรงเข้ามาบั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

หลังคณะกรรมการค่าจ้าง ประกาศปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเฉลี่ยเป็น 337 บาทต่อวัน คิดเป็น 5.02% นายพิจิตร ดีสุ่ย เลขาธิการสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย และเป็นตัวแทนลูกจ้าง ในคณะกรรมการค่าจ้าง ระบุ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2565 ที่จะมีผล 1 ตุลาคมนี้ เป็นการปรับขึ้นในรอบ 2 ปี แม้จะได้ไม่ถึง 492 บาทต่อวัน ที่กลุ่มแรงงานเสนอก่อนหน้านี้ แต่ก็พอใจในระดับหนึ่ง แม้จะน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นราคาพลังงาน และ ราคาสินค้า เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกจ้างต้องใช้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน แต่ก็เห็นใจฝ่ายนายจ้าง เพราะ หากขึ้นค่าจ้างมาก ต้นทุนก็อาจจะมากขึ้น อาจส่งผลให้กิจการล้ม ลูกจ้างก็อาจจะตกงาน จึงอยากให้หามาตรการเยียวยาสถานประกอบการ ที่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น จากการปรับอันตราค่าจ้างขั้นต่ำ และยังห่วงการขึ้นราคาสินค้า จากปัจจัยของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น อาจจะวนกลับมากระทบกลุ่มแรงงานได้ แต่ก็เชื่อมั่นว่าจะไม่ปรับขึ้นมาก เพราะก่อนหน้านี้ราคาสินค้าหลายชนิดปรับขึ้นไปแล้ว

หวั่นเศรษฐกิจไทยฟุบหลังขึ้นค่าแรง
ด้าน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้าง ผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ย้ำ 2 ปีนี้มานี้ เหมือนพายุโหมกระหน่ำ ผู้ประกอบการต้องเผชิญวิกฤตราคาพลังงาน,ราคาวัตถุดิบ อัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ซ้ำร้ายต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม แต่อาจไม่เห็นภาพการเลิกจ้างคราวละมาก ๆ เนื่องจากหลายสถานประกอบการได้ปรับลดแรงงานไปเป็นก่อนหน้านี้แล้ว ยอมรับว่าไม่ง่ายที่จะฟันฝ่าอุปสรรค ท่ามกลางภาวะกำลังซื้ออ่อนแรง หวั่นเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นอาจฟุบลงอีก