"ดร.ธรณ์" โพสต์เมฆดำทะมึน ทำกลางวันเป็นกลางคืน คือสัญญาณเปลี่ยนยุค เตือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

คลิปที่เกี่ยวข้อง

"ดร.ธรณ์" โพสต์เมฆดำทะมึน ทำกลางวันเป็นกลางคืน คือสัญญาณเปลี่ยนยุค เตือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


จากปรากฏการณ์ท้องฟ้ามืดมิด เมฆดำทะมึนปกคลุมทั่วกรุง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสฮือฮาถูกหยิบยกมมาพูดถึงเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ ซึ่งต่อมา นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา  ชี้แจงว่า ปรากฏการณ์ "ฟ้ามืด" ระบุว่าเกิดจากการปะทะกันของลมที่เคลื่อนตัวมาจาก 2 ทิศทาง จึงยกตัวเป็นเมฆฝนในระดับต่ำ แล้วบดบังแสงอาทิตย์

ขณะเดียวกันด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat ถึงปรากฏการณ์ฟ้ามืดดังกล่าว โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า  เมฆดำทะมึน เปลี่ยนกรุงเทพตอนเช้าให้เป็นเหมือนตอนกลางคืน นั่นคือเมฆโลกร้อน เกิดจากทะเลร้อน น้ำระเหยเยอะ อากาศร้อน จุไอน้ำได้มากขึ้น กลายเป็นเมฆจุน้ำมหาศาล พร้อมจะเททะลักลงมากลายเป็นฝนห่าใหญ่ เคราะห์ดีที่หนนี้ลมพัดผ่านไป ฝนตกไม่มาก แต่ยังมีหนหน้าและหนต่อไป เพราะนี่คือการเริ่มต้นของยุค extreme weather

สภาพภูมิอากาศสุดขั้วเกิดจากความแปรปรวนของโลก หลังจากที่มนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปสะสมกันมานาน และยังคงปล่อยต่อไป กลายเป็นภัยพิบัติที่จะสร้างผลกระทบสาหัส โดยเฉพาะประเทศที่กำลังเปราะบางทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างเห็นชัด “ปากีสถาน” เจอมหาอุทกภัย จากสภาพอากาศเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงฝนตกหนัก 8 สัปดาห์รวด ปริมาณน้ำจากฟ้ามากกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเท่าๆ ยังรวมถึงธารน้ำแข็งบนหิมาลัยที่ละลายแบบไม่เคยเกิดมาก่อน

ปากีสถานเป็นประเทศที่มีธารน้ำแข็งมากที่สุดในโลก (ไม่นับแถบขั้วโลก) น้ำจากยอดเขาไหลทะลักมารวมน้ำฝน เกิดเป็นอุทกภัยทำให้ผู้เสียชีวิตนับพัน คน 33 ล้านคนเดือดร้อน แหล่งเกษตรเสียหายยับเยิน ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเกินความสามารถประเทศที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินไม่ดี ไม่สามารถรับมือได้

ดร.ธรณ์ ระบุด้วยว่า เมืองไทยเองก็กำลังเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายแห่ง น้ำทางเหนือกำลังมา ในขณะที่ลำธารและน้ำตกใกล้ภูเขา บางแห่งเจอน้ำป่าฉับพลัน ต้องปิดการท่องเที่ยวบางจุด รวมไปถึงเมฆสีดำทะมึน ฝนตกรุนแรงในพื้นที่เล็กๆ เกิดน้ำท่วมรวดเร็ว คนเมืองเหนื่อยเหลือเกินกับการไปทำงาน/กลับบ้าน รถติด/น้ำเข้าบ้าน นั่นคือบางตัวอย่างของ extreme weather ที่เราเจอและจะเจอต่อไป

“มันไม่หายไปหรอก แต่มันจะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นกับว่าจะแรงขึ้นเร็ว/ช้า ทั้งหมดอยู่ที่เราในวันนี้ระหว่างที่เรากำลังไปอย่างเชื่องช้า เมฆสีดำลูกใหญ่กว่ากำลังเคลื่อนเข้ามา เคลื่อนเข้ามาแทนความสุขของพวกเราที่กำลังจางหายไป อยากให้ความสุขอยู่ต่อไปอีกหน่อย ทุกคนทราบดีว่าเราควรทำอย่างไร ทำตามนั้น ทำให้มากสุดเท่าที่ทำได้ อาจไม่สะดวกสบาย อาจลำบากบ้างแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า นี่ไม่ใช่ความลำบากอะไรเลย” ดร.ธรณ์ระบุ


BUGABOONEWS
ข้อมูลจาก FB : Thon Thamrongnawasawat

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark