ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ชายเสียชีวิตคาลวดไฟฟ้าโรงแรมหรู ย่านสุขุมวิท

เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานมีกรณีชายอายุ 34 ปี เสียชีวิตเพราะถูกไฟช็อต ร่างติดอยู่บริเวณซอกอาคารชั้น 2 ของโรงแรมย่านสุขุมวิท ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นโจรที่จะมาขโมยของ แต่ในแง่ข้อกฎหมาย มีมุมน่าสนใจหลายอย่าง เพราะการที่เขาจะเป็นคนร้ายหรือโจรจริง เจ้าของโรงแรมก็มีความผิดอยู่ดี

ย้อนมาที่เหตุการณ์ก่อนจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณโรงแรมในซอยสุขุมวิท 5 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พบศพชายติดอยู่ที่ชั้น 2 ระหว่างซอกตึกกับท่อระบายควัน สูงจากพื้นประมาณ 10 เมตร พบกระเป๋าธนบัตรภายในมีเงินสด ประมาณ 2,600 บาท และมีบัตรประชาชน 1 ใบ ชื่อ นายโอภาส อายุ 34 ปี ชาวอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ที่ข้อเท้าของผู้เสียชีวิต มีรอยไหม้ และมีลวดไฟฟ้าซึ่งติดตั้งที่รั้วของโรงแรมพาดติดอยู่

เบื้องต้นโรงแรมยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่ใช่แขกที่มาเข้าพัก และไม่มีใครในโรงแรมแสดงตัวว่าเคยรู้จัก และมีข้อมูลว่า เมื่อ 1 เดือนก่อน มีแขกที่มาใช้บริการ แจ้งกับทางโรงแรมว่ามีทรัพย์สินในห้องพักสูญหาย และเคยพบบุคคลแปลกหน้าขึ้นมาบนอาคารจนวิ่งไล่กัน และชายคนนั้นก็วิ่งหนีไปทางซอกตึกชั้น 2 โรงแรมจึงติดตั้งลวดไฟฟ้าเพื่อป้องกันคนร้าย โดยเปิดกระแสไฟฟ้า ช่วงเวลา 22.00-05.00 น. ของทุกวัน

พันตำรวจเอกนิมิตร นูโพนทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ระบุว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบว่า ชายที่เสียชีวิตเป็นโจรขโมยหรือไม่ และมาทำอะไรที่เกิดเหตุ หรือมีที่ทำงานอยู่บริเวณเกิดเหตุหรือไม่

แต่ในแง่กฎหมาย น่าสนใจมาก เพราะ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม บอกว่า แม้เขาจะเป็นโจรขโมยก็ต้องให้ความเป็นธรรมหากเสียชีวิต โดยให้ข้อคิดทางกฎหมายไว้แบบนี้  

กรณีแรกต้องพิสูจน์ว่าชายที่เสียชีวิตเป็นโจรขโมยหรือไม่ โดยดูได้จากของในตัวที่พบ หากพบอุปกรณ์งัดแงะก็เท่ากับว่าชายคนนี้เป็นโจรขโมย ซึ่งข้อกฎหมายก็จะเปลี่ยนไป แต่ถ้าไม่พบอุปกรณ์งัดแงะ และไม่มีอะไรบ่งบอกว่า ชายคนนี้เป็นโจรขโมยจริง ความหนักเบาของกฎหมายก็จะไม่เท่ากัน สรุปคือไม่ว่าจะทางไหนโรงแรมก็มีความผิด ซึ่งตำรวจจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอาผิด

ทนายรณณรงค์ ยังบอกด้วยว่า ประเทศไทยไม่มีกฎหมายไหนอนุญาตให้ขึงรั้วลวดหนามที่มีกระแสไฟฟ้า แต่หากขึงแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark