ศาล รธน. พิจารณาหลักฐาน วาระนายกฯ 8 ปี ว่อนเน็ต! เอกสารหลุด มีชัย-บิ๊กตู่

เช้านี้ที่หมอชิต - ใครที่รอลุ้นว่าวันนี้จะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ปม 8 ปีนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่าไม่ต้องรอ เพราะจะเป็นเพียงการพิจารณาคำชี้แจงของ 3 บุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้ส่งความเห็นมาเท่านั้น ขณะที่สงครามในโลกออนไลน์ กลายเป็นเรื่องของเอกสารหลุด หลังจากเอกสารหลุดของนายมีชัย ฤชุพันธ์ อดีตประธาน กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นเป็นเอกสารหลุดของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีสาระสำคัญเหมือนกันคือ ให้เริ่มนับวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 วันที่รัฐธรรมนูญปี 60 มีผลบังคับใช้

มีคำชี้แจงนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยัน การประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ จะพิจารณาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ตามขั้นตอน ไม่เร่งหรือชะลอการพิจารณา โดยนำพยานหลักฐานและคำชี้แจงจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาว่าเพียงพอที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยต่อไปได้หรือไม่

ส่วนกรณีที่มีเอกสารหลุดของ นายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ระบุ ให้นับวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 นั้น ประธานศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตรวจสอบ และยืนยันว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน มีความเป็นอิสระ ยังไม่มีคำตัดสินอยู่ในใจ และในวันนี้ ก็จะยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา

นอกจากเอกสารคำชี้แจงของนายมีชัย เมื่อวานนี้ยังมีเอกสารคำชี้แจงของ พลเอกประยุทธ์  กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ หลุดออกมาเช่นกัน มีเนื้อหาระบุว่าไม่สามารถนับเวลาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2557 ได้ เนื่องจากเป็นการดำรงตำแหน่งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557

โดยข้อห้ามเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี เป็นบทบัญญัติที่เป็นการจำกัดสิทธิ ดังนั้น ต้องตีความอย่างแคบและโดยเคร่งครัด จะตีความอย่างกว้าง ให้หมายความรวมถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับอื่นมิได้ สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ที่มีส่วนร่วมเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

พร้อมหยิบยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังมาประกอบ และชี้แจงว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี สำนึกในหน้าที่และประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่เคยใช้อำนาจหาผลประโยชน์ ดังนั้น ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเวลาเท่าใด ก็มิได้ขัดต่อหลักมาตรฐานสากล และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 

อีกเรื่องที่กลายเป็นประเด็นร้อน สืบเนื่องจากคำชี้แจงของนายมีชัย ล่าสุด ที่ระบุถึงความเห็นตัวเองในการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 500 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 ที่บันทึกไว้ว่า ให้นับตั้งแต่เป็นนายกฯปี 2557 ว่าเป็นการจดบันทึกแบบรวบรัดของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งการประชุมครั้งดังกล่าว เป็นครั้งสุดท้าย และไม่ผ่านการรับรองการประชุมด้วย

ทำให้มีการจับผิด ด้วยการนำเอกสารการประชุมครั้งที่ 501 ลงวันที่ 11 กันยายน 2561 มาเผยแพร่ ซึ่งมีมติรับรองการประชุมและตรวจทานแล้วโดยไม่มีการแก้ไข มาเป็นหลักฐานกล่าวหาว่า นายมีชัยให้การเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ยื่นบันทึกฯนี้เป็นหลักฐานเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญด้วย

ขณะที่ฝ่ายค้านเห็นบันทึกการประชุม กรธ. ครั้งที่ 501 เป็นหลักฐานเด็ด แต่ในมุมของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กลับมองว่าเป็นหลักฐานที่ไม่มีน้ำหนัก เพราะเป็นบันทึกการประชุมที่เกิดขึ้นหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้ว 1 ปี อีกทั้งยังเป็นการบันทึกถ้อยคำการพูดคุยของคนเพียงไม่กี่คน ไม่ใช่การลงมติ