ศาลฎีกาพิพากษาให้กรมป่าไม้ฟื้นฟู อ่าวมาหยา คืนสภาพ

ประเด็นเด็ด 7 สี - ศาลฎีกา พิพากษาสั่งให้กรมป่าไม้ ฟื้นฟูคืนสภาพ "อ่าวมาหยา" ถือเป็นการปิดคดีถ่ายภาพยนตร์ "เดอะบีช" ตั้งแต่ปี 2541

นนี้ศาลแพ่ง นัดฟังคำพิพากษาฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม คดีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โจทก์ที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ โจทก์ที่ 2 กับพวกรวม 19 ราย ร่วมกันยื่นฟ้อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเลยที่ 1 กรมป่าไม้ จำเลยที่ 2 อธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 3 บริษัทซันต้า อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์มฯ จำเลยที่ 4 บริษัททเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ฯ จำเลยที่ 5 ยื่นต่อแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลแพ่ง ความผิดตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ ,พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

กรณีเมื่อปี 2541 ได้อนุมัติให้บริษัททำถ่ายภาพยนตร์ เรื่อง "เดอะบีช" เข้าไปตกแต่งเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายหาดอ่าวมาหยา บนเกาะพีพี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพีเล จังหวัดกระบี่ ถ่ายทำภาพยนตร์

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ให้จำเลยที่ 2 ปรับปรุงแก้ไขหาดมาหยา ให้กลับคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ โดยให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทําแผนการแก้ไขฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สำหรับจำเลยที่ 4-5 ให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอม ยอมความ ซึ่งตามสัญญา โดยจำเลยที่ 5 ประสงค์จะช่วยเหลืออนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยมอบเงิน 10 ล้านบาท เพื่อการอนุรักษ์ตามอำนาจหน้าที่ ส่วนจําเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 คือ กรมป่าไม้ด้วย

โจทก์ที่ 1-2 ได้ยื่นฎีกาต่อ ซึ่งคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ สรุปว่า ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จนกว่าหาดมาหยา มีสภาพเดิมตามธรรมชาติตามที่จำเลยที่ 2 และคณะทำงานฯ เห็นชอบร่วมกัน หรือตามที่ศาลเห็นสมควรในกรณีที่จำเลยที่ 2 และคณะทำงานดังกล่าวไม่สามารถเห็นชอบร่วมกันได้ โดยปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกาภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะถูกบังคับตามคำพิพากษาตามขั้นตอนกฎหมาย