จ่าคลั่งยิงเพื่อนทหาร เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ไร้บาดหมาง ? [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - เกิดเหตุระทึกกลางกรุง หลังมีจ่าทหารคนนึงใช้ปืนยิง เพื่อนร่วมงาน เสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย ตำรวจดำเนินคดี ฐานฆ่าผู้อื่น และพบประวัติว่าเคยรักษาอาการทางสมองจากอุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ขณะที่ นายทหารพระธรรมนูญ ย้ำ ไม่มีเรื่องบาดหมางกับเพื่อนร่วมงาน ติดตามกับรายงาน

เสียงปืนดังในค่ายทหารช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อน จ่าสิบเอก ยงยุทธ อายุ 58 ปี จะออกมาข้างนอกนั่งอยู่บริเวณด้านหน้าป้ายกรมยุทธศึกษาทหารบก ริมถนนเทอดดำริ โดยมีทหาร ตำรวจ ช่วยกันเกลี้ยกล่อม จน จ่าสิบเอก ยงยุทธ ยอมมอบตัว พร้อมปืนสั้นขนาด 9 มิลลิเมตร และถูกนำตัวไป สน.ดุสิต

ภาพความตายของเพื่อนทหารทั้ง 2 นาย ที่ถูกทิ้งไว้หลังเสียงปืน 1 นาย เสียชีวิตภายในห้องผู้บังคับกองร้อย กองธุรการ วิทยาลัยการทัพบก อีก 1 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล เหตุการณ์นี้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงมาตรการดูแล เพราะไม่ต้องการให้ซ้ำรอยเหตุจ่าคลั่งที่นครราชสีมา จนทำให้รองนายกรัฐมนตรี ถึงกับออกอาการ

ตำรวจใช้เวลาในการสอบสวนพอสมควร โดยมีการดึง นายทหารพระธรรนูญ มาร่วมสอบปากคำด้วย เพราะผู้ก่อเหตุเป็นทหาร ซึ่งกระทำต่อทหารด้วยกัน โดยตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และยังไม่ฟันธงถึงมูลเหตุจูงใจ หลังญาติผู้ก่อเหตุนำเอกสารทางการแพทย์มามอบให้ จึงยังต้องสอบสวนหลายเรื่อง แต่ ทหารพระธรรมนูญ ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางสมองจากอุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และอาการทางสมองส่งผลต่ออารมณ์ จนช่วงก่อนเกิดเหตุเคยทำร้ายคนในครอบครัว แต่ยืนยันไม่มีปัญหาบาดหมางกับเพื่อนร่วมงาน

แน่นอนว่าด้วยคำให้การที่อ้างว่า ผู้ก่อเหตุยังให้การวกวน ซ้ำยังมีคำยืนยันของนายทหารพระธรรมนูญ ที่บอกว่า ผู้ก่อเหตุมีปัญหาด้านสุขภาพจิต และไม่มีเรื่องบาดหมางกัน แต่อดีตทหารอย่าง หมู่อาร์ม ที่เคยรับใช้ราชการ 8 ปี และเคยถูกกองทัพตรวจสอบ กลับมองต่าง เพราะหากมีปัญหาทางจิต ควรสั่งหยุดปฏิบัติงาน เพราะอีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว สิ่งที่ นายทหารพระธรรมนูญ พูด แค่ต้องการปกป้องภาพลักษณ์ของกองทัพเท่านั้น

น่าสนใจว่าคดีนี้จะหายไปตามที่อดีตทหารพูดหรือไม่ เพราะคำว่าแดนสนธยาในค่ายทหารถูกคนการเมือง นักวิชาการ ผลักดันให้หน่วยงานนอกมีอำนาจตรวจสอบกองทัพได้มาโดยตลอด และเคสนี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดแรงกระเพื่อมอีกครั้ง