ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ตีตรงจุด : ศาลเตี้ย กระทืบเด็ก 14 ปี ตาย เหตุขโมยทอง 1 บาท

เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุสะเทือนขวัญกับเด็กอายุ 14 ปี ที่ถูกรุมกระทืบจนเสียชีวิต จากข้อกล่าวหาว่าขโมยทองหนัก 1 บาท พร้อมเงินสด 3,000 บาท โดยเด็กถูกซ้อมต่อหน้าเพื่อน ก่อนจะไปเสียชีวิตต่อหน้าญาติ เรื่องนี้มีหลายมิติให้ตีตรงจุด ไปติดตามกัน

ศาลเตี้ย กระทืบเด็ก 14 ปี ตาย เหตุขโมยทอง 1 บาท
คดีนี้เกิดขึ้นกลางดึกของวันที่ 17 กันยายน เด็กชายไกรศิริ อายุ 14 ปี ถูกคนร้าย 4 คน อุ้มขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ไปจับมัดมือ รุมกระทืบ ก่อนจะปล่อยตัวเหยื่อออกมา สุดท้ายเสียชีวิตที่บ้านน้าของผู้ตาย ภายในซอยหัวหนองบน จังหวัดชลบุรี

ส่วนปมสาเหตุอุ้มไปทำร้าย คาดขโมยทอง 1 บาท เงิน 3,000 บาท จึงมีการอุ้มไปสอบเค้นความจริง แต่เหยื่อไม่พูด ถูกซ้อมจนช้ำในตาย

เด็กชายไผ่ เพื่อนสนิทกับน้องที่เสียชีวิต เล่าว่า เพื่อนถูกทำร้ายถึง 2 รอบ รอบแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 16 กันยายน โดยชายอายุประมาณ 50 ปี พร้อมกับภรรยา ได้ขี่รถจักรยายนต์มาหาผู้ตาย แล้วปรี่เข้ามาทำร้ายด้วยการเตะไป 2 ครั้ง พร้อมทั้งเค้นให้คืนทอง โดยผู้ตายไม่ได้ตอบโต้อะไร เอาแต่ร้องไห้ จนทำให้ชายอายุประมาณ 50 ปี ยิ่งโมโห ถอดรองเท้าคอมแบท ตบเข้าที่หน้าอย่างแรง ก่อนจะพาผู้ตายขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขี่ออกไป และนั่นคือ ภาพสุดท้ายที่เด็กชายไผ่ได้เจอกับเพื่อน

ขณะที่น้าชายของน้องที่เสียชีวิต เล่าว่า หลานถูกกลุ่มคนร้ายขู่บังคับเค้นให้เอาทองและเงินคืน ก่อนอุ้มขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างไป พร้อมพาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่น้องโดนทำร้าย ซึ่งห่างจากจุดพบศพประมาณ 100 เมตร เขาบอกว่าพยายามห้ามปรามและขู่จะแจ้งตำรวจ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ฟัง พวกนั้นอ้างว่าจับส่งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ส่งสถานพินิจฯ เดี๋ยวก็ปล่อยตัว จึงนำตัวเด็กไปจัดการเอง ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะลงมือซ้อมหลานจนเสียชีวิต 

ด้านปู่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้ก่อเหตุจงใจซ้อมแล้วนำร่างหลานมาส่ง เพื่อให้มาตายให้พี่น้องเห็น

ทิชา ชี้ เด็กทำผิดต้องให้โอกาส การลงโทษต้องได้สัดส่วน
จากคำพูดที่ว่า ถึงจับตัวส่งตำรวจก็ไม่เป็นผล เพราะจะถูกส่งไปยังสถานพินิจฯ ก็สะท้อนความจริงในด้านกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองกับเยาวชน จนอาจทำให้บางคนเข้าใจว่า ไม่สามารถขัดเกลาให้เด็กกลับมาเป็นคนดีได้ เช่นผู้เสียชีวิตเคยเข้าออกสถานพินิจฯหลายครั้ง จากพฤติกรรมขโมยของ แต่ในมุมของผู้ที่คลุกคลีกับเด็กที่เคยหลงผิด ก็ยังเห็นว่ามีความจำเป็นต้องกฎหมายคุ้มครอง แม้เด็กจะทำผิด เพื่อให้โอกาสเริ่มต้นใหม่

จับ 3 คนร้าย ใช้ศาลเตี้ย กระทืบเด็ก 14 ปี เสียชีวิต
ความคืบหน้าทางคดี ผู้ก่อเหตุ 3 ใน 4 คน ประกอบด้วย นายพัชรพล หรือพีช อายุ 21 ปี, นายนัตพงค์ หรือนัท อายุ 26 ปี และ 3.นายกฤษดา หรือแปบ อายุ 22 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จับกุมแล้ว และกล่าวขอโทษพ่อของน้อง โดยบอกไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชีวิต

คำพ่อผู้เสียชีวิต "ทำอะไรไว้ ขอให้รับโทษอย่างนั้น"
แม้แต่จังหวะแรกที่เจอกับพ่อของน้องที่เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุคนหนึ่งก็ยังยกเอาเรื่องที่ว่า จับส่งตำรวจไปตำรวจก็ปล่อย มาเป็นเหตุผลเถียงกับพ่อของน้องด้วย คือ ในมุมของคนที่ถูกขโมยของไป ก็คงรู้สึกเจ็บแค้น อย่างกรณีนี้ถ้าคิดเป็นตัวเงิน ทองคำหนัก 1 บาท ก็ประมาณ 29,000 บาท บวกกับเงินสดอีก 3,000 บาท รวมตัวเลขกลม ๆ ก็ 32,000 บาท ถือว่าเยอะ แต่วิธีการเรียกคืนทรัพย์สิน ก็ไม่ควรใช้ศาลเตี้ยไปตัดสิน เพราะสุดท้ายผู้ก่อเหตุก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรม ซึ่งหัวอกของคนเป็นพ่อ ก็อยากให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ครบทุกคน

แจ้งข้อหา 3 คนร้าย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
ทั้งนี้ ตำรวจได้หลักฐาน และของกลางครบ เหลือติดตามตัวที่ยังหลบหนีอยู่คือ นายยุทธ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 23 ปี ส่วนอีกคน คือ นายพลูหิรัญ หรือเพชร พ่อของนายพัชรพล หรือพีช จะเชิญมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ว่ามีส่วนกับเหตุการณ์นี้ด้วยหรือไม่
     
ขณะที่ผู้ก่อเหตุ ให้การว่าไม่มีเจตนาจะลงมือจนถึงขึ้นเสียชีวิต เพียงจากจะเค้นเอาทองคืน เพราะเด็กชายเขียด ยอมรับว่าเป็นคนขโมยของไป แต่ไม่ยอมพาไปเอาจุดซ่อนทอง ด้วยความโมโห จึงก่อเหตุสลดขึ้น

ในมุมทางกฎหมายก็ต้องบอกว่า การใช้ศาลเตี้ยมาตัดสินกันเอาเอง อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ นอกจากผู้กระทำจะไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว สุดท้ายยังต้องติดคุกฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark