สั่งสอบ ดาบตำรวจ สน.โคกคราม ชักปืนยิงขู่แท็กซี่ พบเป็นตำรวจจริง!

ข่าวอาชญากรรม 27 กันยายน 2565 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - เหตุการณ์ที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดชายคนหนึ่งที่คล้ายเมาสุรา ถือปืนข่มขู่คนขับรถแท็กซี่ กลางถนนประดิษฐ์มนูธรรม ย่านลาดพร้าว ล่าสุด ทีมข่าวได้รับการยืนยันแล้วว่าชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สน.โคกคราม จริง จะมีการเรียกตัวมารับทราบข้อหา และตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิด เร็ว ๆ นี้

นี่เป็นภาพจากกล้องหน้ารถช่วงที่ชายผู้ก่อเหตุ นำอาวุธปืนลงมาข่มขู่ผู้เสียหาย ที่ชายอายุ 42 ปี คนขับรถแท็กซี่ นำไปเป็นหลักฐาน และขอให้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เมื่อคืนนี้

ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจากถนนประเสริฐมนูกิจ กำลังเลี้ยวขวาไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือ เส้นเลียบด่วนรามอินทรา แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จนมาถึงจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแยก ใกล้แยกตลาดหัวมุม ก็มีรถกระบะสีขาว ทะเบียนป้ายแดง คู่กรณีขับพุ่งตรงมาใส่รถของตน ทำให้ตกใจต้องรีบหักหลบทันที จากนั้นคู่กรณีก็ยังขับแซงซ้าย พร้อมเปิดกระจกลงมาต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย แล้วยังขับรถไล่ตามปาดไปปาดมา จึงต้องจอดรถเพื่อลงไปพูดคุย แต่คู่กรณีได้ท้าตัว ๆ ตนเองจึงลงจากรถและเดินไปตบหน้าอีกฝ่าย 1 ครั้ง จากนั้นชายคนขับรถ ซึ่งได้ลงจากรถ ถืออาวุธปืนออกมา และด่าทอตนเอง ตอนนั้นตนเองเห็นว่าชายหัวเกรียนคนนี้พกปืนมาด้วย ประกอบกับมองเห็นภายในรถมีเสื้อกั๊กของตำรวจเขียนบนเสื้อว่า "สืบสวนโคกคราม" ตนเองจึงรู้ทันทีว่าเป็นตำรวจ จึงยอมถอยและรีบขึ้นรถไปทันทีเพราะไม่อยากมีเรื่อง ปรากฎว่าอีกฝ่ายก็ใช้ปืนยิงไล่หลังตามมา 1 นัด ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี

หนึ่งในหลักฐานสำคัญก็คือรถของผู้ที่ก่อเหตุ ซึ่งเมื่อคืนนี้จอดอยู่บริเวณลานจอดรถใกล้โรงพักของ สน.โคกคราม ภายในรถยังมีเสื้อกั๊กแขวนอยู่กับที่นั่งข้างคนขับ ปักป้ายไว้ชัดเจนว่า "สืบสวนโคกคราม" ซึ่งเป็นคำย่อที่ใช้เรียก ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม

ทีมข่าว 7HD ได้รับการยืนยันข้อมูลแล้วว่า ผู้ก่อเหตุเป็น "ดาบตำรวจ" สังกัดฝ่ายสืบสวนของ สน.โคกคราม จริง ผู้บังคับบัญชาได้เรียกตัวให้มารับทราบข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเขตเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัย และในช่วงเที่ยงของวันนี้ ผู้กำกับการ สน.โคกคราม จะมีการประชุม เพื่อติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายแน่นอน