ญาตินักเรียนหญิงถูกข่มขืนในโรงเรียน ปฏิเสธไม่ได้เรียกเงิน 1.4 แสนบาท

เช้านี้ที่หมอชิต - ญาติเด็กสาวที่ถูกข่มขืนในโรงเรียนจังหวัดเพชรบูรณ์ ปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวว่าได้มีการเจรจาเรียกเงิน 1.4 แสนบาท จากผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ ยืนยันทางโรงเรียนเป็นฝ่ายยื่นข้อเรียกร้องเอง โดยที่ทางญาติไม่ทราบเรื่อง ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวานนี้ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม พร้อมชี้จุดเกิดเหตุในโรงเรียน

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้พาตัวนักเรียนหญิงผู้เสียหายอายุ 16 ปี ที่ถูกนักเรียนชายข่มขืน ภายในห้องกักตัวโควิด-19 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางเข้าพบผู้กำกับการ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ และพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมทางคดี ภายหลังได้สอบปากคำ ผู้เห็นเหตุการณ์และผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก โดยมีการเชิญสหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำด้วย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิด โดยจะเรียกตัวมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กระทั่งต่อมา นางปวีณา พร้อมด้วยตำรวจและทีมสหวิชาชีพ ได้พาตัวเด็กสาว ที่ถูกข่มขืนมาชี้จุดเกิดเหตุในโรงเรียน ซึ่งอยู่บนชั้นสองของอาคารอุตสาหกรรม ซึ่งขณะเกิดเหตุใช้เป็นที่สถานที่กักตัวนักเรียนที่ติดเชื้อโควิด-19 มีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ โดยในวันเกิดเหตุพบว่า นักเรียนผู้เสียหายและเพื่อน ๆ ได้นอนเรียงกันบนที่นอนที่อยู่บนพื้นห้อง มีนักเรียนหญิงหัวโจกได้นัดแนะนักเรียนชาย 6 คน มาก่อเหตุในลักษณะใช้ผ้าห่มคลุมโปง หลังจากได้ชี้เป้าว่า มีนักเรียนผู้เสียหายเข้ามาใหม่ ซึ่งนักเรียนชาย 1 ใน 6 คนจึงได้บังคับขืนใจก่อนจะกลับออกไป ขณะที่นักเรียนหญิงหัวโจกได้บอกกับทุกคน่ในห้องว่า ห้ามไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใคร

ขณะที่ป้าของนักเรียนหญิงผู้เสียหาย บอกว่า รู้สึกเสียใจกับข่าวที่ออกมาว่า ทางฝ่ายของตนได้เจรจาต่อรองเรียกเงินกับผู้ปกครองของฝ่ายชายผู้ก่อเหตุเป็นเงิน 140,000 บาท ซึ่งไม่เป็นความจริง และทราบมาว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่ทางโรงเรียนเป็นผู้เจรจาเสนอข้อเรียกร้องไปยังฝ่ายผู้ปกครองของนักเรียนชายที่ก่อเหตเอง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและหาข้อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเธอเองและผู้เสียหาย ไม่มีใครทราบเรื่อง