ความหวังขึ้นค่าแรงทั้งระบบ หลัง 1 ต.ค.

เจาะประเด็นข่าว 7HD - การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีผลบังคับใช้ตามแล้ว ลูกจ้างได้ขึ้นค่าจ้าง 5-8% ทั่วประเทศ ขณะที่ กระทรวงแรงงาน เสนอให้ลูกจ้างในระบบ สมควรได้รับการปรับค่าแรงมากขึ้นตามไปด้วย เป็นความหวัง กำลังใจ ให้คุณภาพชีวิตแรงงานดีขึ้นทั่วหน้ากัน ติดตามรายงาน

ตัวแทนลูกจ้างในโรงงานทำไส้กรอกหมู และลูกชิ้นหมู แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ บอกเล่าความดีใจ ที่ได้มีค่าจ้างเพิ่มขึ้น เป็นวันละ 353 บาท ถึงแม้ว่าจะเงินที่ได้จะไม่มาก แต่ก็เป็นความหวัง กำลังใจ ให้กำลังแรงงาน ได้ต่อลมหายใจ ให้มีรายได้พอประทังชีวิตลูกจ้าง และหาเลี้ยงครอบครัว ท่ามกลางค่าใช้จ่ายรายล้อมและข้าวของแพงขึ้นไปมากแล้ว

ด้านนายจ้าง ยอมรับ การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 22 บาท ส่งผลกระทบกับฐานค่าจ้างแรงงานทั้งระบบ ทั้งค่าล่วงเวลา และค่าจ้างของลูกจ้างที่ทำงานมาก่อนหน้านี้ ก็ต้องปรับขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ สินค้าขายราคาเดิม ค่าน้ำมัน และค่าขนส่งแพงขึ้น จึงอยากให้ภาครัฐ มีมาตรการช่วยเหลือ หรือแบ่งเบาภาระ กลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ต้องขึ้นค่าจ้าง

เมื่อการปรับค่าแรงมีผลบังคับใช้แล้ว นายจ้างทั่วประเทศก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างคนไทย หรือแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถึงแม้ว่า ค่าจ้างขั้นต่ำจะบังคับใช้เฉพาะแรงงานรายวัน ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ แต่ก็เป็นฐานค่าจ้างของประเทศ เมื่อฐานปรับขึ้นมาแล้ว เพื่อความเป็นธรรม ลูกจ้างที่มีทักษะฝีมือ ทำงานให้องค์กรมาก่อนหน้า ก็ควรได้รับขึ้นตามกันไปด้วย

สำหรับการปรับค่าจ้างรอบนี้ แบ่งเป็น 9 โซนกลุ่มจังหวัด เริ่มจากวันละ 328-354 บาท ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.02% น้อยสุดอยู่ที่ 3 จังหวัดภาคใต้ รวมไปถึงจังหวัดอุดรธานี และน่าน ขึ้นเป็นวันละ 328 บาท สำหรับโซน กทม. และปริมณฑล จากวันละ 331 บาท เป็น 353 บาท เพิ่มขึ้นวันละ 22 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.65% และกลุ่มค่าแรงมากที่สุด 354 บาท เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ EEC ชลบุรี ระยอง รวมไปถึงไข่มุกอันดามัน จังหวัดภูเก็ต