ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ตีตรงจุด : ยึดบ้านผิดหลัง บกพร่องที่ใคร ทำอย่างไรไม่ให้เกิดซ้ำ

เช้านี้ที่หมอชิต - ตีตรงจุด วันนี้ ยังอยู่กับประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กรณีที่ธนาคารแห่งหนึ่งไปยึดบ้านของชาวบ้านผิดหลัง จนเจ้าของบ้านช็อกไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณผู้ชมติดตามข่าวจะพบว่ากรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคุณยายท่านหนึ่งที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ถูกธนาคารฟ้องร้องยึดทรัพย์สินแบบนี้เช่นกัน ที่สำคัญเป็นธนาคารเดียวกันด้วย และที่น่าสนใจ คือ สาเหตุมาจากความไม่รอบคอบของสำนักงานกฎหมายที่รับมอบอำนาจในการติดตามทรัพย์สิน วันนี้เรามาตีตรงจุดเรื่องนี้กัน

จากกรณีของสามีภรรยาเดินทางเข้าร้องเรียนกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่าได้รับความเสียหายจากการที่ธนาคารแห่งหนึ่งเข้ายึดบ้านของตน ทั้ง ๆ ที่บ้านของตนไม่ได้ติดคดี หรือถูกฟ้องร้องใด ๆ และที่ทำให้สังคมฮือฮากันมาก ก็คือ วันที่เจ้าหน้าที่เข้าไปยึดทรัพย์สิน มีการตัดกุญแจบ้านเปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็นำเจ้าหน้าที่ผู้รับเหมาเข้าไปรื้อสิ่งของภายในบ้านออกมาทิ้ง ตัดต้นไม้ เคลียร์พื้นที่ทำความสะอาด ซึ่งประเมินมูลค่าความเสียหายแล้วประมาณ 2 ล้านบาท

ทีมข่าว 7HD เดินทางไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบาลลาดหลุมแก้ว อำเภอเมืองปทุมธานี แล้วให้เจ้าของบ้านพาเดินดูรอบ ๆ พบว่าสภาพบ้านเปลี่ยนไปทุกอย่าง ตั้งแต่สีที่มีการทาใหม่ โคมไฟเดิมถูกปลดออกไป ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้กันมาแต่เดิมหายเกลี้ยง สิ่งของบางอย่างก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว อาทิ หนังสือเก่า พระบูชา ที่สำคัญคือรูปถ่ายครอบครัว ที่ไม่สามารถถ่ายใหม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว จึงยากจะตีราคา หรือประเมินเป็นมูลค่า

ฝ่ายทางธนาคารออมสิน ออกหนังสือชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารจริง ซึ่งสาเหตุมาจากบ้านหลังเกิดเหตุกับบ้านที่ธนาคารดำเนินการยึดนั้นมีลักษณะคล้ายกัน และต่างไม่มีป้ายบ้านเลขที่ติดไว้ทั้ง 2 หลัง โดยบ้านที่จะยึด คือ บ้านเลขที่ 44 แต่บ้านที่ยึดผิด คือ บ้านเลขที่ 38 จึงทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน จนเกิดความเสียหายขึ้น

ซึ่งตอนนี้ทางธนาคารยังคงเก็บรักษาสิ่งของบางส่วนไว้ 20 รายการ เช่น เครื่องเล่นวิดีโอ โต๊ะทำงาน หนังสือ และ พระบูชา เพื่อคืนให้เจ้าของ แต่ตอนนี้ทางผู้เสียหายยังไม่ขอรับคืน และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 2.2 ล้านบาท

ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ (4 ต.ค.) ทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการเข้ามาไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ธนาคารยืนยันว่าจะรับผิดชอบเต็มที่ และขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทางธนาคารฯ ยังได้เผยแพร่ภาพบ้านหลังที่เกิดเหตุ ตอนที่ก่อนจะมีการปรับปรุงและหลังจากที่มีการปรับปรุง ซึ่งแสดงให้เห็นความแตกต่างของสภาพบ้านที่ทรุดโทรม กับสภาพที่ใหม่เอี่ยม ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นการนำมาต่อรองในการไกล่เกลี่ยหาข้อยุติหรือไม่ แต่หากจะนำมาเป็นข้ออ้างในการไกล่เกลี่ย ทาง ทนายรณณรงค์ บอกเลยว่า ไม่ได้มีผลต่อทางกฎหมาย เพราะผู้เสียหายไม่ได้ร้องขอให้มาทำคดีให้

คราวนี้พาคุณผู้ชมย้อนเวลากลับไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ก็มีกรณีที่ธนาคารได้ฟ้องร้อง คุณป้าสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์

คุณป้าสมัย ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารเดียวกันนี้ฟ้องร้องให้ชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคาร และไม่เคยรู้จักกับจำเลยอีก 4 คน แต่กลับมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมาปิดที่ประตูรั้ว เหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ คุณป้าสมัย ถึงกับจิตตก ต้องให้ลูกหลานพามาร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว

ซึ่งท้ายสุดทางธนาคารได้ออกมายอมรับว่า เกิดจากความผิดพลาดของธนาคารจริง ๆ เป็นความไม่รอบคอบของเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย ที่รับมอบอำนาจทำเรื่องยึดทรัพย์ จนทำให้เกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อน แต่สุดท้ายก็ไกล่เกลี่ยกันได้ โดยทางธนาคารได้จ่ายค่าเสียหายให้กับ คุณป้าสมัย เป็นเงิน 100,000 บาท และให้คำมั่นว่าจะนำกรณีที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงการทำงานให้รัดกุมมากขึ้น แต่ท้ายสุดวันนี้ความผิดแบบเดิมก็มาเกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ก็จะเห็นว่ามีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของสำนักงานกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจากธนาคารเหมือนกัน  

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark