คอลัมน์หมายเลข 7 : ครหา จัดซื้อรถ BMW ราคาแพง คุ้มค่าใช้งานหรือไม่

คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้ ติดตามกรณีรถ BMW ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถูกปล่อยให้จมน้ำ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และทำให้เกิดคำถามถึงความคุ้มค่าในการใช้ภาษีประชาชน ติดตามจากรายงาน คุณสุธาทิพย์ ผาสุข

ภาพรถ BMW ของหลวง ถูกปล่อยน้ำท่วมมิดคัน ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 กลายเป็นภาพที่ถูกตั้งคำถามข้ามคืน ว่าเหตุไฉน จึงปล่อยให้รถราคาแพงจากภาษีประชาชน ทิ้งจมน้ำ และมีการตั้งข้อสังเกตว่ารถคันนี้ เป็นรถตรวจการณ์อัจฉริยะ ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้าทั้งคัน ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่จัดซื้อเมื่อปี 2560-2561 หรือไม่

รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ เป็นโครงการที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อตั้งแต่แรกเริ่ม

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง เกิดเป็นเสียงบ่น ก่นด่า จากคนใช้งานจริง ว่าต้องแบกภาระ เพราะรถยนต์ตรวจการราคาแสนแพง ไม่มีประกันภัย ไม่มีงบเติมน้ำมัน หรืองบจัดซ่อมบำรุง ระบบเชื่อมต่อที่เหมาะสม และแม้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะระดมเงินจัดซื้อประกันรายปีให้ใช้ชั่วคราว แต่ด้วยภายใต้เงื่อนไข ต้องส่งรถมาที่สำนักงานเท่านั้น และหากเกิดเหตุในพื้นที่ไกล ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำรถจากที่เกิดเหตุ สุดท้าย ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สะดวกใจที่จะใช้งานรถยนต์ราคาแสนแพงเหล่านี้

กระทั่งปี 2563 รถยนต์จำนวน 260 คัน ก็ถูกกระจายไปให้ตำรวจนครบาลนำไปใช้ทุกโรงพัก และก็มีสภาพไม่ต่างจากการใช้งานในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นั่นคือจอดนิ่งสนิท

ปัญหาที่เกิดขึ้น และมีการร้องเรียน ทำให้ ป.ป.ช. ตัดสินใจ รับเรื่องนี้มาตรวจสอบ โดยล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2565 ได้มีมติให้ตั้งองค์คณะใหญ่ไต่สวน พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพวก 46 ราย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อรถไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ 260 คัน วงเงิน 900 ล้าน โดยจากการสอบถามเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ขณะนี้การไต่สวนมีความคืบหน้า และพยามยามที่จะให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

ล่าสุด มีคำชี้แจงจากตำรวจภูธรภาค 5 ระบุ สาเหตุที่รถ BMW ของหลวง ถูกปล่อยทิ้งให้จมน้ำ ทั้งที่มีมูลค่าจำนวนไม่น้อยให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย และยืนยันว่า รถยนต์คันดังกล่าวนั้น เป็นคนละรุ่นกับรถตรวจการณ์อัจฉริยะที่มีปัญหา ที่จัดซื้อเมื่อปี 2560 - 2561

BMW เป็นรถที่มีค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูง เมื่อวิ่งครบวงรอบ จะต้องเข้ารับการตรวจสอบ และเปลี่ยนสารหล่อลื่น ซึ่งในแต่ละวงรอบ มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 30,000 บาทต่อครั้ง หากหน่วยงานใดไม่ตั้งงบประมาณเผื่อ ก็แทบจะไม่มีเงินสำหรับดูแลในขั้นตอนนี้ และแม้ทางตำรวจภูธรภาค 5 จะตอบคำถามชี้แจงเหตุแคลงใจที่เกิดขึ้น แต่ภาพที่ปรากฎ ก็ไม่อาจปฏิเสธ ความสะเทือนใจของประชาชนผู้เสียภาษีได้

เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะการจัดสรร หรือ การใช้งบประมาณ ที่ไม่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ทำให้การใช้งบประมาณในหลายโครงการ ไม่เกิดความคุ้มค่า

นอกจากปัญหา ความไม่ชอบไม่มาพากล ในการจัดซื้อรถ BMW มาใช้ ว่าเหมาะสม หรือ คุ้มค่าหรือไม่ เวลานี้ยังมีอีกหนึ่งโครงการที่ต้องจับตาต่อ คือรถตรวจการณ์ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งมีลักษณะการติดตั้งอุปกรณ์คล้ายคลึงกันกับรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ ที่ล่าสุด มีการตรวจรับเพื่อส่งรถทั้งหมด ไปให้ตำรวจท่องเที่ยวตามภูมิภาคใช้ ทั้งที่คนในพื้นที่แทบไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีที่จะเข้ามา และไม่รู้ว่าจะมีเทคโนโลยีในพื้นที่รองรับได้หรือไม่