ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ตีตรงจุด : จากพ่อค้าไก่หมุน สู่ ทนายเก๊

เช้านี้ที่หมอชิต - ตีตรงจุด วันนี้ ปักหมุดทุกข์ชาวบ้าน ที่ถูกพ่อค้าไก่หมุน หลอกว่าเป็นทนายความ รับว่าความคดีในจังหวัดนครสวรรค์ แถมมีการปลอมคำพิพากษาอ้างว่าชนะคดีซะด้วย สุดท้ายไม่รอด เจ้าทุกข์จับโป๊ะได้ เพราะไปเช็กเลขที่คดีที่ให้ปรากฏไม่มีในสารบบ ล่าสุดถูกรวบตัวไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้มีมุมไหนให้เราได้ตีตรงจุดกันบ้าง ไปติดตาม

เมื่อวานนี้เรานำเสนอปัญหานี้ไป วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการที่พ่อค้าไก่หมุนรายนี้ ใช้หลอกเหยื่อให้หลงเชื่อว่าตัวเองเป็นทนายความกันว่า เขาทำได้อย่างไร

เริ่มต้นเขาก็เข้าไปเป็นสมาชิกในกลุ่มทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ ซึ่งก็ทำให้เริ่มมีตัวตนผ่านโลกออนไลน์ ในฐานะทนายความ ให้คำปรึกษากับคนที่เข้ามาขอความรู้ด้านกฎหมาย จนนำไปสู่การรับว่าความ หลอกว่ามีการดำเนินคดีจนชนะ และยังอุกอาจถึงขั้นปลอมแปลงคำพิพากษาไปหลอกเงินค่าว่าความจากเหยื่อด้วย

เคราะห์ดีหนึ่งในเหยื่อมีไหวพริบ ดูได้จากข้อความทางแช็ตไลน์ที่ผู้เสียหาย จี้สอบถามถึงเลขคดีจะได้เมื่อไร แจ้งรายละเอียดมาให้ชัดเจนเป็นคดีอะไร ซึ่งทนายเก๊ก็ยังตีเนียน ตอบโต้กลับเหมือนตัวเองเป็นมืออาชีพเลย จะให้เลขคดีเมื่อกลับถึงกำแพงเพชร สุดท้ายเป็นบัวแล้งน้ำ เพราะเป็นคำหลอกลวงล้วน ๆ

และที่เหยื่อขอ "เลขคดี" ต้องบอกว่า พีกมาก เพราะวันนั้นจริง ๆ แล้วเป็นการนัดพบกันครั้งที่ 3 หลังจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา ผู้เสียหายท่านนี้ก็พยายามจะขอพบ แต่ถูกทนายเก๊บ่ายเบี่ยง ยกสารพัดข้ออ้าง ไม่ว่าจะเป็น ติดงาน รอไปเจอกันในวันนัดสืบพยานเลย จนสุดท้ายครั้งที่ 3 ซึ่งต้องไปเจอกันที่ศาลแขวงจังหวัดชลบุรี ตามที่มีการว่าจ้างให้ช่วยทำคดีหมิ่นประมาท ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

แต่ทนายเก๊ ก็ยังอ้างว่า ติดโควิด-19 ผู้ว่าจ้าง หรือ ผู้เสียหาย ที่ไปยืนรอที่หน้าศาลก็เคว้งเลย รีบนำข้อมูลของตัวเองไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ศาลฯ จนพบว่าไม่มีในสารบบ กลายเป็นคดียาเสพติดแทน จึงรีบติดต่อกลับไปยังทนายเก๊ ขอเลขคดีอย่างที่เราเล่าไปในตอนต้น พร้อมตัดสินใจขอคำปรึกษาจากทนายความตัวจริง และแจ้งความดำเนินคดีกับทนายเก๊คนนี้ นำไปสู่การจับกุมได้ตามถิ่นอาศัย ซึ่งขณะนี้ฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลาง จังหวัดกำแพงเพชร

ฟังกันมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยทำไมผู้เสียหายรายนี้ไม่เอะใจบ้างหรือว่าอดีตพ่อค้าไก่หมุนคนนี้อาจจะไม่ใช่ทนายความตัวจริง ซึ่งทางผู้เสียหายก็ยอมรับว่าคาดไม่ถึงจริง ๆ เพราะทุกอย่างดูเชื่อถือได้ทั้งหมด

ผู้เสียหาย ยังเผยอีกว่า หลังจากเริ่มเอะใจในตัวทนายเก๊ ก็พยายามตรวจสอบประวัติกับหน่วยงานที่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ก็ติดต่อยากเย็น พร้อมฝากเตือนผู้ที่คิดจะใช้บริการทนายความให้ช่วยเหลือในอนาคต อย่าเชื่อทุกอย่างที่อยู่ในโลกออนไลน์ แต่ควรตรวจสอบให้ได้ประวัติที่แท้จริง ก่อนคิดจ้างทนายคนใดให้ว่าความให้

หลายคนคงสงสัยว่าจากพ่อค้าไก่หมุน ทำไมหันมาเอาดีในการแอบอ้างว่าตัวเองเป็นทนายความ ทำมาหากินด้านนี้มาได้ยาวนานถึง 2 ปี มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า

ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทนายเก๊คนนี้เคยไปฝึกงานกับสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง และยังมีการส่งต่องานว่าความให้กับทนายความตัวจริงอีกด้วย จนทำให้ทนายความที่เคยรับงานพลอยถูกตั้งคำถามไปด้วยว่ามีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมของทนายเก๊หรือไม่

ก็อย่างที่ ทนายวัชรพล บอก มีการฝึกงานหลังจากสอบทนายในภาคทฤษฎีผ่าน จึงทำให้รู้ขั้นตอนการทำงานของวงการทนาย หนำซ้ำ ทนายวัชรพล ก็ยอมรับว่า ทนายเก๊คนนี้มีความคล่องแคล่ว เหมือนทนายความทุกอย่าง และก็มีใบอนุญาตทนายความปลอมมาโชว์ จึงทำให้ไม่เอ๊ะใจใด ๆ

สำหรับคดีความที่ทาง ทนายเก๊ ส่งต่อมาให้ ทนายวัชรพล ทำแทน ก็มี 3 คดี ชนะไปแล้ว 1 คดี ที่จังหวัดนครสวรรค์ เหลืออีก 2 คดี ที่จังหวัดพิษณุโลก และกำแพงเพชร ที่อยู่ในชั้นอุทธรณ์ ส่วนปมทนายเก๊ อ้างชื่อ ทนายวัชรพล ไปใช้รับทำคดีความ เบื้องต้นจะขอรอดูว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับลูกความหรือไม่ ก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีกับทางทนายเก๊เพิ่มหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของทนายเก๊ พบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีประตูกระจกติดติดข้อความว่า รับว่าความทั่วราชอาณาจักร คดีแพ่ง-อาญา พร้อมกับเบอร์โทรติดต่อ

ภายในบ้านพบแม่ของทนายปลอม และลูกสาวของทนายฯ อีก 2 คน โดยแม่ยังอยู่ด้วยอาการเสียใจ พร้อมให้ข้อมูลว่า ลูกชายเลิกอาชีพขายไก่หมุน หันมาทำอาชีพรับว่าความ หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว จึงเป็นเสาหลักของบ้าน ซึ่งจากนี้ไปทุกคนคงลำบากมาก โดยเฉพาะหลานทั้ง 2 คน เพราะตนอยู่ในภาวะพิการ หากติดคุกแทนลูกได้ก็อยากจะทำ โดยหลังลูกชายถูกควบคุมตัวไปก็ยังไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย

นั่นก็เป็นมุมชีวิตของครอบครัวผู้ปลอมตัวเป็นทนายความ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงเป็นปัญหาระหว่างคู่กรณีเท่านั้น แต่ยังสะเทือนถึงวงการทนายความอีกด้วย

จนทำให้ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ พร้อมคณะนั่งไม่ติดตั้งโต๊ะชี้แจงด่วน โดยจะมีการแจ้งความเอาผิดกับทนายเก๊ทุกคดี ซึ่งวันนี้ (6 ต.ค.) นายทะเบียน สภาทนายความฯ ในพื้นที่ภาค 6 จะเป็นผู้ดำเนินการ

เมื่อเกิดเรื่องแล้วหลายคนอาจมีคำถาม ทำไมทนายเก๊ถึงหลุดเข้ามาว่าความถึงชั้นศาลได้ เรื่องนี้ สภาทนายความฯ ชี้แจงว่า ระบบฐานข้อมูล ของทนายความในปัจจุบันทำได้เพียงตรวจสอบเข้ามาที่สภาทนายความฯ เท่านั้น ยังไม่มีระบบตรวจสอบผ่านทางระบบออนไลน์ ประกอบกับขั้นตอนในการแต่งทนายความเข้าไปว่าความตามระบบก็ขอเพียงเอกสารของทนายความผู้นั้น จึงอาจเป็นช่องว่างทำให้ทนายเก๊หลุดเข้าไปถึงชั้นศาล ซึ่งกรณีนี้ก็มีการตรวจสอบ พบว่า ทนายเก๊ไม่ได้เป็นผู้ผ่านการอบรมและทดสอบวิชาว่าความ และมีการสวมเลขที่บัตรของทนายความคนอื่นมาแอบอ้างเป็นของตัวเอง

เมื่อย้อนดูเส้นทางการรับว่าความของทนายเก๊รายนี้ มีข้อมูลจาก นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ย้อนรอยให้ฟังว่า ทนายเก๊รายนี้ปลอมตัวสวมชุดครุยทนายมาหลายปีแล้ว หลอกเงินลูกความไปก็หลายราย เฉพาะคดีที่ศาลกำแพงเพชร มีทั้งหมด 2 คดี คดีหมิ่นประมาท ตัดสินไปแล้ว ส่วนคดีฉ้อโกง ยังไม่ได้ตัดสิน แต่ลูกความได้ทำเรื่องขอถอนทนายคนนี้ออกไปแล้ว หลังจากทราบว่าเป็นทนายเก๊ จากการถูกจับฐานปลอมแปลงคำพิพากษาของศาลจังหวัดนครสวรรค์ เบื้องต้นศาลจังหวัดกำแพงเพชร ไต่สวนเอาผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไปแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่วันจะทราบผลตัดสิน และยังมีคดีอาญาที่ทางตำรวจกำลังตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายความผิดเรื่องใดบ้าง โดยเห็นว่าจำเป็นต้องมีการปรับปรุงระบบการเชื่อมต่อข้อมูลกับสภาทนายความ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

ซึ่งแนวทางการเชื่อมข้อมูลระหว่างศาลยุติธรรมกับสภาทนายความ ก็สอดรับกับความคิดของนายกสภาทนายความ ที่เตรียมดำเนินการเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

อีกปมคาใจเรื่องคดีความที่มีการตัดสินไปแล้ว จะยังคงตามคำพิพากษาเดิม หรือ จะเป็นโมฆะหรือไม่ และการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกจะดำเนินการกันอย่างไร

เรื่องนี้ไม่ได้ร้อนเพียงวงการทนายในโลกออนไลน์ทั้งทนายความตัวจริงก็โพสต์แสดงความกังวลถึงเรื่องการปลอมนี้ ซึ่งรวมถึงชาวโซเชียลที่วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย

กรณีนี้ก็คงเป็นบทเรียนสะท้อนว่า จากนี้ไปผู้มีปัญหาทางด้านคดีความจะต้องตรวจสอบประวัติทนายความที่คิดว่าจะ "ว่าจ้าง" ให้ทำคดีให้อย่างรัดกุม รอบคอบ และก็คงต้องรอติดตามว่าหลังการปฏิรูประบบฐานข้อมูล "ทนายความ" ในอนาคตอันใกล้นี้ ยังจะมีคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ คือ พ่อค้าไก่หมุนคนเดียวทำเอาสะเทือนไปทั้งวงการทนาย และศาลยุติธรรม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark