ตำรวจเรียกสอบหญิงสาวใส่ชุดว่ายน้ำ ถูกแอบถ่ายโพสต์ลง TikTok

เจาะประเด็นข่าว 7HD - กรณีนี้ต้องถือเป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA เมื่อหญิงสาวอายุ 26 ปี ถูกชายคนหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นทหาร แอบถ่ายคลิปน้องใส่ชุดว่ายน้ำ ขณะไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำในโรงแรมที่เขาใหญ่แล้วนำไปโพสต์ลง TikTok น้องขอให้ลบ ชายคนนี้ก็ไม่ยอมลบ จนต้องเป็นคดีความ

ความคืบหน้าคดีที่เมื่อวานนี้ หญิงสาวอายุ 26 ปี พร้อมมารดาไปขอให้ทางเพจสายไหมต้องรอด ช่วยพาเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหม หลังจากไปพบผู้ใช้บัญชี "TikTok" รายหนึ่ง โพสต์ภาพแอบถ่ายผู้เสียหายขณะอยู่ในชุดว่ายน้ำ นำไปโพสต์ลงใน "TikTok" จนมีคนเข้าไปดูกว่า 1 ล้านคน และมีคนเข้าไปแสดงความเห็นอีกกว่า 2,000 คน

โดยน้องเล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวที่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ได้ใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายรูปอยู่ริมสระว่ายน้ำ ได้มีผู้ชายลักษณะตัดผมเกรียน แอบถ่ายคลิปขณะใส่ชุดว่ายน้ำ นำไปลง "TikTok" ทำให้มีคนเข้ามาคอมเม้นท์ในลักษณะพูดถึงเรือนร่างเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับความเสียหาย

น้องยังบอกว่า ไม่ได้เล่น TikTok เลยไม่ทราบว่าถูกแอบถ่าย ต่อมามีเพื่อนและคนรู้จัก หลายคนไปเจอคลิปนี้ใน TikTok แล้วจำได้ว่าเป็นตนเอง เลยแคปส่งมาให้ตนดู เลยเข้าไปสมัครบัญชี TikTok แล้วทักข้อความแชท ติดต่อไปหาชายคนที่แอบถ่ายและนำคลิปไปลง เพื่อขอให้เขาช่วยลบคลิปออก แต่เขาตอบคอมเม้นมาว่า "ขออนุญาตไม่ลบ จะเป็นไรไหม" คิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ และทำให้ตนเสียหาย เห็นว่าผู้ที่แอบถ่ายน่าจะเป็นข้าราชการทหาร เนื่องจากบัญชีผู้ใช้ TikTok ดังกล่าว มีการโพสต์รูปขณะใส่ชุดเครื่องแบบทหารอยู่หลายรูป จึงตัดสินใจแจ้งความ

ล่าสุด จากการสอบถามพนักงานสอบสวนคดีนี้ ทราบว่าได้รับเรื่องนี้ไว้แล้ว และนัดผู้เสียหายสอบปากคำอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็จะมีการออกหมายเรียกผู้โพสต์มาสอบปากคำพร้อมทั้งแจ้งข้อหา ซึ่งเบื้องต้นทราบตัวผู้โพสต์รายนี้แล้ว

จากการตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็นก็ยังอยู่ใน TikTok ซึ่งทางผู้เสียหายย้ำว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะลบคลิปภายหลัง ก็ไม่ยอมถอนแจ้งความแน่นอน เพราะทางผู้เสียหายมองว่า ความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว และเคยเจรจามาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ที่คลิปดังกล่าวมียอดคนดูไม่กี่คน แต่ผู้โพสต์รายนี้กลับปฏิเสธที่จะลบ ดังนั้นตอนนี้จึงเดินหน้าดำเนินคดีถึงที่สุด ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1,000,000 บาท