ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ดรามาร้อน โซเชียลเดือด ศรีสุวรรณ ถูกชกกลางวงสัมภาษณ์

ข่าวสังคม 19 ตุลาคม 2565 - สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้ เรื่องที่ร้อนแรงที่สุดต่อเนื่องยาวมาถึงวันนี้กระแสก็ยังครุ่กรุ่นไม่หาย นั่นก็คือ ศรีสุวรรณ จรรยา ถูกชกกลางวงสัมภาษณ์ ชนิดที่เรียกว่า รัวหมัดแบบไม่ยั้ง

ดรามาร้อน โซเชียลเดือด ศรีสุวรรณ ถูกชกกลางวงสัมภาษณ์
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลัง นายศรีสุวรรณ จรรยา เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิด โน้ส อุดม แต้พานิช ว่าการแสดง เดี่ยว 13 เป็นการหนุนการชุมนุม และในระหว่างการสัมภาษณ์เกิดเหตุชุลมุนขึ้น มีชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามายังจุดที่สื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์ แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของนายศรีสุวรรณ แบบรัวไม่ยั้ง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะชุลมุนต่อสู้กัน

โดยผู้ก่อเหตุคือ นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี เปิดใจว่า ตั้งใจมาตบเพื่อสั่งสอน เพราะเค้ามีเหตุการณ์ฝังใจกับศรีสุวรรณ และอยากจะบอกว่าคนเห็นต่างก็มี คำว่าประชาธิปไตยทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง หลายปีมานี้ นายศรีสุวรรณร้องเรียนเลอะเทอะไปหมดทุกเรื่อง เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ร้อง พร้อมทั้งเตรียมใจยินดีรับโทษจากสิ่งที่ทำลงไป

หลังถูกต่อย นายศรีสุวรรณ ก็เข้าแจ้งความทันที ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดเผยว่า มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า แต่เจ็บแค่นี้ทนได้ สิ่งที่ทนไม่ได้คือเจ็บใจ ซึ่งมองว่าการใช้กำลังแก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย หลังจากนี้จะเดินหน้าเอาผิดคู่กรณี และยอมรับว่าต้องระวังตัวมากขึ้น

และ นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าเป็นนักร้องเรียนต่อไป ซึ่งในวันนี้ (19 ต.ค.) ฝั่งคู่กรณีประกาศผ่านสื่อว่าตนเองจะไปเจอกับนายศรีสุวรรณ ในรายการ ๆ หนึ่ง ซึ่งพร้อมชนมาก แต่ฝั่งนายศรีสุวรรณ บอกว่า ไม่มีทางที่จะเจอกันอีกแน่นอน หากรายการไหนเชิญไปสัมภาษณ์คู่กันจะปฏิเสธทุกรายการ แต่ยืนยันว่าไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากเจอ

หลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นักร้องเรียนสาขา 2 สนธิญา สวัสดี คนนี้ก็ขาประจำ มาตามนัดไม่แผ่วเหมือนกัน ออกมาเคลื่อนไหวทันที ประกาศกร้าวว่าจะสานต่อเจตนารมย์ของนายศรีสุวรรณ เดินหน้าร้องเรียน โน้ส อุดม ต่ออีกแรง

เมื่อประกาศว่าจะเดินหน้าร้องเรียนต่อ แต่พอเห็นศรีสุวรรณ ถูกต่อยแบบนี้ คุณสนธิยา ยอมรับเลยว่ากลัวว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้โดนโทรศัพท์ปริศนามาข่มขู่บ่อยครั้งเวลาไปร้องเรียน จึงต้องระวังตัวมาตลอด เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

แต่เมื่อวานนี้ หลังเกิดเหตุในโลกออนไลน์เป็นปรากฏการณ์ที่ชาวเน็ตพร้อมใจกันสนับสนุนผู้ก่อเหตุ แบบชนิดที่เรียกว่า เมื่อขณะผู้ก่อเหตุออกมาไลฟ์หลังก่อเหตุ ก็มีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสนับสนุน และให้กำลังใจกันแบบล้นหลาม ถล่มทลาย ถึงขนาดที่ว่าใช้เวลาไลฟ์ยาวนานกว่า 7 ชั่วโมง ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลา รวม ๆ แล้วนับพันสาย คอมเมนต์ต่าง ๆ แคปชันต่าง ๆ แสดงออกชัดเจนว่าเห็นด้วยกับเหตุความรุนแรงครั้งนี้

เรื่องนี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช บอกว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากความอัดอั้นของประชาชนที่ทนกับพฤติกรรมการร้องเรียนของนายศรีสุวรรณ แบบถึงขีดสุดแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ผู้ก่อเหตุจึงกลายเป็นตัวแทนหมู่บ้านที่ทำหน้าที่แทนทุก ๆ คน

ในส่วนของคดีความ ทนายอนันต์ชัย ยันยันว่า นายศรีสุรรณสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้เพียงข้อหาเดียวเท่านั้น คือ ทำร้ายร่างกาย

และในวันนี้ 19 ตุลาคม นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล เปิดเผยว่า จะเดินทางไปมอบตัว ในเวลา 14.00 น. ซึ่งก็พร้อมยินดีรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป และพร้อมรับโทษตามกฏหมาย

แรมโบ้ ให้กำลังใจ ศรีสุวรรณ
นอกจากนั้น นายวีรวิชญ์ ยังได้พูดพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 อ้างเคยก่อเหตุทำนองนี้มาแล้ว กับอดีตเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เจ้าของฉายา "แรมโบ้อีสาน" ที่นักข่าวต่างเรียกติดปากสั้น ๆ ว่า "แรมโบ้"

พอพูดถึง "แรมโบ้" "แรมโบ้" ก็มา ทันทีที่รู้ว่าพี่ศรี ถูกทำร้าย และผู้ก่อเหตุยังพูดพาดพิงอีก หัวอกรุ่นพี่ที่เคยตกเป็นเหยื่อมาก่อน ได้ออกมาแสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจการทำหน้าที่ของพี่ศรี ยิ่งในระหว่างเกิดเหตุมีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นพฤติกรรมความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดีกับเด็กและเยาวชนที่อาจจะรับชมอยู่ ส่วนตัวไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และเห็นควรให้ยึดกติกาบ้านเมืองเป็นสำคัญ พร้อมย้ำว่า พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบรรยาศที่บ้านเมืองต้องการความสงบสุข ความสามัคคีปรองดอง

ก่อนเล่าความหลัง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปีที่แล้ว ครบ 1 ปี วันนี้พอดี ผู้ก่อเหตุเคยบุกเข้ามาที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ขณะนั้น ตนเองทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ประชาชนตามปกติ โดยหวังเข้ามาทำร้ายร่างกาย เพราะไม่ชอบใจกันเป็นการส่วนตัว แต่ขอโทษที่รู้ทัน เลยป้องกันตัวเองจนรอดมาได้ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าว เพราะไม่ต้องการส่งเสริมให้ผู้ก่อเหตุได้แสดงออกถึงความก้าวร้าวรุนแรงผ่านสื่อมวลชน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผู้ก่อเหตุชอบใช้ความรุนแรง พูดจาข่มขู่บุคคลที่ไม่ชื่นชอบผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเรียกร้องความสนใจ จากนั้น ตนเองได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ล่าสุด อัยการสั่งฟ้องไปแล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark