ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ดาบตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ขโมยปืนหลวง 160 กระบอก ปล่อยขายใช้หนี้พนัน

ข่าวอาชญากรรม 21 ตุลาคม 2565 - สนามข่าว 7 สี - ฉาวอีกแล้วสำหรับวงการสีกากี หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ตรวจอาวุธปืนในคลังของโรงพักทุกแห่งทั่วประเทศ โดยที่ สภ.ปากเกร็ด พบว่า อาวุธปืนประจำสถานีหาย (ปืนหลวง) จำนวน 160 กระบอก ล่าสุด จับกุมผู้ก่อเหตุได้ ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
 
โดยผู้ก่อเหตุ คือ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งทำหน้าที่เบิกจ่ายอาวุธปืนจากคลังของ สภ.ปากเกร็ด นี่เป็นภาพนาทีขณะที่ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย บุกเข้าไปจับกุมดาบตำรวจนายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีขโมยปืนหลวงจาก สภ.ปากเกร็ด ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ฐานความผิดลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องพักของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทยลาว อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย และเชื่อว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ

ขณะจับกุมผู้ต้องหายังอยู่ในชุดเสื้อยืดกีฬา และกางเกงขาสั้น ค้นพบอาวุธปืนจำนวนหนึ่งของ สภ.ปากเกร็ด ที่หายไป เป็นปืนลูกโม่ 42 กระบอก ซิกซาวเออร์ 68 กระบอก และ กล็อค 24 กระบอก

ล่าสุด ตำรวจได้ควบคุมตัวดาบตำรวจนายดังกล่าวจากจังหวัดหนองคายมุ่งหน้าเข้ามายังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อสอบสวนขยายผล ซึ่งในเบื้องต้น ดาบตำรวจ (ผู้ต้องหา) อ้างว่า ไม่มีเจตนาจะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีพรรคพวกอยู่ในประเทศดังกล่าว จึงไม่คิดหลบหนีไป

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ดาบตำรวจรายดังกล่าวได้ทยอยขโมยปืนหลวงออกจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ดทีละ 3-5 กระบอก พร้อมระเบิด และนำไปปล่อยขายให้กับผู้รับซื้อนับ 10 คน เพื่อนำเงินมาใช้หนี้พนัน โดยทันทีที่รู้ว่าตำรวจรู้ตัวก็หลบหนีไปอาศัยรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย และย้ายไปรีสอร์ตอีกแห่งซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก

กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหา ได้มีโทรศัพท์มาที่สโมสรตำรวจ แจ้งว่าได้นำปืนใส่กระเป๋ามาทิ้งไว้ใกล้ ๆ กับสโมสร ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่อง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ขับรถยนต์ออกไปตรวจสอบ ไม่นานก็ขับกลับมาพร้อมกระเป๋าเดินทางสีเลือดหมู ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่แบกถึง 2 คน จึงสามารถนำกระเป๋าเข้ามาที่ห้องสอบสวนได้ คาดว่าเป็นอาวุธปืนสั้นจำนวน 20 กระบอก ทั้งยังมีมือดีเอาปืนสั้นพร้อมกล่องมาทิ้ง 2 กระบอก และยังมีคนโทรศัพท์มาแจ้งเบาะแสทิ้งปืนอย่างต่อเนื่อง

ต่อมา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมายอมรับว่า ได้รับมอบปืนคืนมาแล้ว 27 กระบอก คาดว่าประชาชนที่ครอบครองปืนตกใจแล้วนำมาคืน ทั้งนี้ ยืนยันว่าสามารถตรวจสอบปืนที่ได้รับคืนมาทุกกระบอกได้ โดยฝากเตือนไปยังผู้ครอบครองให้เร่งนำมาคืน โดยมั่นใจว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะได้ของกลางคืนมาทั้งหมด

ส่วนผู้ต้องหายังถูกสอบสวนเครียดที่สโมสรตำรวจ และคาดว่าจะเป็นการสอบสวนยาว ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากต้องการรู้รายละเอียดถึงการขโมยและการกระจายอาวุธปืนไปตามแหล่งรับ-ซื้อ จำนำต่าง ๆ สำหรับสาเหตุที่ปืนหายออกจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ดได้ง่าย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ระบุว่า เป็นเพราะความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีการตรวจสอบการเบิก หรือคืนอาวุธในคลัง ซึ่งจากนี้ไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำไปยังทุกสถานีตำรวจภูธรให้ดำเนินการตรวจสอบและลงระบบให้ชัดเจน

ขณะที่ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ ผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด ไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนอาวุธปืนที่หายไปนั้น ได้มีการสั่งการให้ทุกพื้นที่เร่งระดมสืบหาเอากลับมาคืนให้ได้มากที่สุด และเตือนไปยังผู้ที่รับจำนำ หรือรับซื้อไว้ ว่าอาวุธปืนของทางราชการหากมีไว้ในครอบครองก็จะมีความผิด โดยขอให้นำมาคืนให้กับทาง สภ.ปากเกร็ด

ส่วนผู้ต้องหา ซึ่งเป็นดาบตำรวจ พลตำรวจตรี ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการจังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องด้วยดาบตำรวจนายดังกล่าวถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยต้องคดีอาญาในความผิดฐาน "ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ" ตามคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด และศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ออกหมายจับตามหมายจับ ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ที่ สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และมีเหตุให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1) และ (2) คือ ถูกตั้งกรรมการสอบสวน และต้องหาว่ากระทำผิดคดีอาญาดังกล่าว หากให้อยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการและเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา หรืออาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นได้ ลงวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2565

ทั้งนี้ เหตุขโมยปืนที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน หลังจากครั้งแรกเกิดขึ้นที่จังหวัดระนอง ซึ่งในครั้งนั้นมีการขโมยปืนออกไปทั้งสิ้น 7 กระบอก และล่าสุดก็มีการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ขโมยปืนพร้อมของกลางกลับมาคืนได้ครบตามจำนวนแล้ว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark