คอลัมน์หมายเลข 7 : จนท.รัฐเรียกรับผลประโยชน์ ปัญหาส่วนตัวหรือกฎหมายมีช่องโหว่

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 ติดตามปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐ หลังกลุ่มผู้ต้องหาค้ายาเสพติดอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเรียกรับเงินแลกกับการปล่อยตัว จนนำมาสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 157 เป็นอย่างไรติดตามได้ในคอลัมน์หมายเลข 7 กับคุณมะลิ แซ่ฉิ่น

17 ตุลาคม ชุดปกครองจับกุม นายธนกร หรือ โด่ง พร้อมยาบ้า 20,000 เม็ด รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติด และนำตัวมาควบคุมไว้ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา เพื่อขยายผลสอบสวน

คดีนี้ดูเผิน ๆ อาจไม่มีความซับซ้อน เป็นการดำเนินการจับกุมตามภารกิจ แต่คดีกลับพลิกล็อก เมื่อชุดปกครองถูกกลุ่มผู้ต้องหาซ้อนแผนชิงตัวและของกลาง พร้อมบังคับให้เจ้าหน้าที่ชุดปกครองถอดเสื้อ ก่อนนำขึ้นรถไปทิ้งป่าข้างทาง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดปกครองได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ ว่าถูกกลุ่มคนร้าย 20 คน ล้อมชิงตัวผู้ต้องหา และทำให้คดีนี้กลายเป็นเป้าสนใจของทุกฝ่าย เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์

เมื่อการสืบสวนสอบสวนเริ่มกระบวนการ และติดตามออกหมายจับ ควบคุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ส่วนหนึ่ง ตำรวจพบต้นตอของปัญหา โดยผู้ต้องหาอ้างเหตุที่ต้องบุกชิงตัวเพราะถูกชุดปกครองเรียกรับเงิน 1 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา หัวหน้ากลุ่มจึงตัดสินใจซ้อนแผนโดยการหลอกชุดปกครองให้ออกมารับของแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด 200,000 บาท และไอซ์ 8 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อชุดปกครองมาถึง จึงใช้กำลังและอาวุธเข้าล้อมชุดปกครอง เพื่อชิงตัวผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าการชิงตัวครั้งนี้มีคนในกลุ่มเพียง 9 คน และใช้รถยนต์เพียง 3 คันเท่านั้น

จุดอ่อนที่ทำให้เกิดการเรียกรับประโยชน์ ผู้รู้บอกว่ามี 3 ช่องทางหลัก ส่วนแรกเป็นเพราะมีการให้อำนาจเต็มชุดปกครองในการสืบสวนจับกุม และควบคุมผู้ต้องหา เพื่อขยายผลได้ 3 วัน โดยไม่ต้องส่งสถานีตำรวจ นี่ทำให้เกิดการเจรจาต่อรอง และจบเรื่องได้โดยไม่มีการดำเนินคดีทางกฎหมาย

ส่วนที่สอง การจับกุมของชุดปกครอง กระทำการได้เองโดยไม่ต้องบูรณาการกำลังหน่วยงานอื่น ทั้งที่เพื่อความโปร่งใส ควรจะต้องสนธิกำลัง

และส่วนที่สาม คือเจ้าหน้าที่ทุกส่วนมีบัตรเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. สามารถเข้าค้นสถานที่รโหฐานได้ ในเรื่องยาเสพติด โดยไม่ต้องใช้หมายค้น

งานนี้ตำรวจจะจับคนร้ายได้ครบหรือไม่ครบ ยังเป็นสิ่งที่ท้าทายและรอการพิสูจน์ แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนคือภาพลักษณ์ของชุดทำงาน ที่ชี้ให้เห็นถึงช่องว่าง นำไปสู่การตีตรา และท้ายที่สุด แทนที่ปัญหาจะถูกกวาดล้าง กลับกลายเป็นว่าจะปะทุหนักขึ้นอีก เพราะต้องเร่งขายเพื่อหาเงินมาเปิดทางให้เกิดการกระทำผิด ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อคนในสังคม เพราะวันนี้ยาเสพติดได้กลับมาระบาดอีกครั้งในหมู่เยาวชนและชุมชน ที่ส่งผลกระทบต่อคนในสังคม แต่ไร้ทางป้องกัน