ล่าจ่าเมากร่าง ยิงประชาชนเสียชีวิต จ.ตรัง [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - ผู้บัญชาการตำรวจเห่งชาติ สั่งล่าตัวจ่าเบิร์ดตำรวจนอกรีด ใช้อาวุธปืนสวัสดิการยิงคู่กรณีในสถานในบันเทิงจังหวัดตรัง เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 2 คน ก่อนชิงอาวุธปืน เสื้อเกราะหลบหนี ไปติดตามเรื่องนี้กับรายงานกับ คุณรัตนกรณ์ โต๊ะหมัด

เกิดเรื่องงามไส้วงการสีกากี เหมือนฉายภาพซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อล่าสุดตำรวจ ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปรามปฏิบัติหน้าที่หน่วยสวาท นามว่า จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือ จ่าเบิร์ด ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีในสถานบันเทิงจังหวัดตรัง เข้าบริเวณศีรษะ 2 นัด สะโพกอีก 2 นัด เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย

ปกติ จ่าเบิร์ด เป็นคนดีคำบอกล่าวของเจ้าของร้าน แต่ขณะก่อเหตุไม่ใช่ จากการสอบสอนพบว่าเกิดจากความมึนเมา จ่าเบิร์ด ได้เดินไปชนโต๊ะแก๊งผู้เสียชีวิต จนนำไปสู่การทะเลาะวิวาท มีปากเสียงกันสนั่นร้าน ก่อน จ่าเบิร์ด จะใช้อาวุธปืนของราชการ ลั่นไกสังหารประชาชน 

หลังก่อเหตุ จ่าเบิร์ด ได้บุกเข้าไปที่คลังเก็บอาวุธ ชิงอาวุธปืน และเสื้อเกราะ หลบหนีความผิด ทิ้งปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. หัวกระสุน ปลอกกระสุน 11 ปลอก และกระสุนปืนอีก 1 นัด ที่ยังคาลำกล้องไว้ต่างหน้า

ข้าราชการนำปืนสวัสดิการไปทำร้ายประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะสั่งการให้เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ แต่ท้ายที่สุด ภาพผู้พิทักษ์กลายเป็นผู้กระทำยิ่งตอกย้ำว่าต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ อย่าง จ่าเบิร์ด ผบ.ตร. ชี้ชัด ไม่มีความจำเป็นต้องพกอาวุธปืน เพราะช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นเวลานอกราชการ

จ่าเบิร์ด ยังลอยนวล หลบหนีไปพร้อมอาวุธครบมือ อย่าถามถึงความปลอดภัยของประชาชน เพราะการชิงอาวุธก่อนหนีเป็นคำตอบชัดว่าพร้อมต่อสู้ ต้องฝากไปที่หน่วยงานต้นสังกัด เร่งจับกุมก่อนจะมีใครต้องสังเวยชีวิตอีก

บทเรียนซ้ำ ๆ ที่ทุกหน่วยงานบอกว่าจะนำไปปรับใช้ เมื่อเกิดเหตุ หวังลดทอนความสูญเสีย ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของรัฐ แต่หากในความเป็นจริงไม่ได้สวยเหมือนคำกล่าวอ้าง เมื่อผู้กุมกฎหมายกลายเป็นผู้ก่อเหตุ แล้วประชาชนจะฝากชีวิตไว้ได้อย่างไร