รวบเพิ่มอีก 1 อุ้มนักธุรกิจจีนตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - ส่วนความคืบหน้าคดีแก๊งมังกรจีน อุ้มนักธุรกิจชาติเดียวกันไปตัดนิ้วและเรียกค่าไถ่ 30 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ตำรวจตามรวบได้อีก 1 คน ขณะที่ตัวหัวหน้าแก๊ง ยังให้การปฏิเสธทุกข้อหา ติดตามกับคุณมะลิ แซ่ฉิ่น

นี่เป็นภาพนาที ที่นายถัง 1 ในสมาชิกแก๊งมังกรจีน ผู้ที่ทำหน้าที่อุ้มนักธุรกิจชาติเดียวกันไปตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ที่วิลลาหรูแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ถูกตำรวจตามไปจับกุมได้ภายในโรงแรมย่านเอกมัย กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดแรกที่จับกุมนายต้าเต้า หัวหน้าแก๊งได้เมื่อวานนี้ โดยนายถัง ก็ยังให้การปฏิเสธเช่นเดียวกับหัวหน้าแก๊ง ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการอุ้มนักธุรกิจชาติเดียวกันไปเรียกค่าไถ่

อย่างไรก็ตามการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึก พบความสัมพันธ์ระหว่างคนสองกลุ่มนี้ว่าเกี่ยวข้องกันในเชิงธุรกิจ ผิดกฎหมายที่ทำร่วมกันในประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่านายตาเต้าเข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2562 ครั้งนั้นเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมาอยู่เพียง 5 วัน และกลับมาอีกครั้งในช่องทางเดิม เมื่อปี 2564 ช่วงเดือนเมษายน

และหากดูจากคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งยืนยันชัดว่า มีผู้เกี่ยวข้อง 5 คน และนายต้าเต้า ก็คือคนที่ลงมือตัดนิ้วและนำนิ้วที่ตัดไปกัดกิน เหมือนคนมีปัญหาสุขภาพจิต สวนทางกับคำให้การผู้ต้องหาที่ยังให้การภาคเสธ ซึ่งอ้างไม่ได้อุ้มมาเรียกค่าไถ่ ทั้งอ้างว่าภาพถ่าย คนในหนังสือเดินทางไม่ใช่ตัวเอง

ถึงตอนนี้หัวหน้าชุด สืบสวนยังไม่ฟันธง ว่าผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ มีกี่คนกันแน่ เพราะจากหลักฐานในที่เกิดเหตุ และคำให้การของผู้เสียหาย ยังดูย้อนแย้งกัน แต่มั่นใจว่า ทุกชุดข้อมูล และหลักฐานที่มีจะสาวถึงตัวผู้เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด

ที่น่าจับตาต่อไปก็คือ การได้มาซึ่งวีซาของคนทั้ง 2 กลุ่ม ที่วันนี้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังชี้แจงไม่จบ มีใครเกี่ยวข้องกับการรับรองสถาบันการศึกษาของคนต่างชาติ เพื่อใช้เป็นเอกสารในการยื่นขอวีซาเข้าเมืองกี่คน

เพราะจากการตรวจสอบ หนึ่งในสถาบันที่ถูกกล่าวอ้างในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นพบว่า เป็นเพียงบ้านร้างไม่มีผู้คนเข้าออกมากกว่าหนึ่งปีแล้ว

นี่จะเป็นการสาวไส้ครั้งใหญ่ของวงการข้าราชการไทย ย้อนรอยประวัติศาสตร์ทัวร์ศูนย์เหรียญหรือไม่ ยังต้องติดตามกันต่อไป