สอบ 5 ชายฉกรรจ์ อุ้มคนจีนเรียกค่าไถ่
เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีชายฉกรรจ์ 5 คน ร่วมกันอุ้มชายชาวจีนไปเรียกค่าไถ่ จากหน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก สุดท้ายเป็นเรื่องโอละพ่อ เป็นการนัดกันเพื่อเคลียร์เรื่องเงินที่ลงทุนซื้อเงินดิจิทัล แต่ตำรวจบอกว่า จะเร่งสืบสวนลงลึกไปว่ากลุ่มคนจีนคู่กรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มีที่มาที่ไปอย่างไร เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่
ข่าวนี้ต้องเรียกว่าทำให้ผู้สื่อข่าวตื่นตกใจกันพอสมควร เมื่อตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งเหตุว่า มีชายฉกรรจ์ลักพาตัวชาวจีนจากคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษกไป จึงมีการประสานไปยังตำรวจหน่วยต่าง ๆ และตำรวจ 191 ให้ช่วยสกัดจับรถที่ก่อเหตุตามทะเบียนรถที่ได้รับแจ้ง ก่อนจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง พบว่ารถคันนี้ไปจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์ ตลาดสำเพ็ง 2 ถนนกัลปพฤกษ์ เขตบางแค จึงนำกำลังไปปิดล้อมจับกุมได้ตัวชายฉกรรจ์ผู้ก่อเหตุ 5 คน เป็นคนไทย 4 คน คนจีน 1 คน และชาวจีนที่ถูกลักพาตัว 1 คน ควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบปากคำที่ สน.สุทธิสาร ข่าวแว่ว ๆ มาในตอนนั้น บอกว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ความคืบหน้าเรื่องนี้ พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ไปสอบปากคำผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย ก่อนจะเปิดเผยว่า เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ ที่มาที่ไปของการก่อเหตุครั้งนี้เป็นการทวงหนี้ เริ่มจากที่ชายชาวจีนผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อกับชาวจีนคนกลางที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ว่าต้องการลงทุนซื้อเงินดิจิทัล สกุล USDT เป็นเงิน 3 ล้านบาท โดยได้รวบรวมเงินจากกลุ่มเพื่อน จากนั้นชาวจีนคนกลางก็ติดต่อไปหาชายชาวจีนคนกลางอีกคนหนึ่งที่รู้จักกับคนที่ซื้อขายเงินดิจิทัล โดยคนที่ซื้อขายเงินดิจิทัลคนนี้เป็นคนจีน เจ้าของร้านอาหารจีนย่านวังทองหลาง
จากนั้นก็มีการนัดหมายซื้อขายกันที่ร้านอาหาร โดยเจ้าของร้านอาหารได้ให้รหัสการโอนเงินดิจิทัลกับชาวจีนคนกลางฝั่งผู้ซื้อไป แต่ปรากฏว่าคนซื้อกลับไม่ได้รับเงินดิจิทัลตามที่ตกลง จึงเข้าใจว่าถูกโกงเงิน ต่อมาก็มีการนัดเจรจาขอเงินคืนกับคนกลาง พร้อมกับพาเพื่อนคนไทยไปด้วยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งคนกลางก็ยินดีรับผิดชอบค่าเสียหายกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับโทรศัพท์ไปบอกเพื่อนชาวจีน เพื่อขอยืมเงิน 3 ล้านบาทมาคืนให้ แต่เพื่อนเข้าใจผิดคิดว่าถูกอุ้มไปเรียกค่าไถ่ จึงแจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือ
เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่จบแน่นอน เพราะตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ตรวจสอบชาวจีนที่อยู่ในไทยว่าเข้ามาทำธุรกิจสีเทาหรือไม่ ดังนั้นตำรวจจะตรวจสอบเชิงลึกว่ากลุ่มคนจีนทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจเอาความซึ่งกันและกัน ตำรวจจึงทำประวัติแล้วปล่อยตัวไป
