โควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ ยาวถึงต้นปีหน้า

ข่าวสังคม 15 พฤศจิกายน 2565 - เช้าข่าว 7 สี - สถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดอีกรอบแล้ว หมอยง คาดการระบาดยาวไปถึงต้นปีหน้า กรมควบคุมโรค เตือนกลุ่มเสี่ยง 608 ควรไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานสถานการณ์โควิด-19 ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 6-12 พฤศจิกายน มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 3,166 คน ตกวันละ 450 คน ยังไม่รวมผู้ป่วยที่ตรวจ ATK พบติดเชื้ออีกมาก

ส่วนยอดผู้เสียชีวิต สัปดาห์ล่าสุด 42 คน เฉลี่ยวันละ 6 คน ขณะที่ ผู้ป่วยอาการหนักปอดอักเสบ รักษาอยู่ 329 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 178 คน

เตือนกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 งดออกจากบ้าน
ทั้งนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยแนวโน้มผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 12.8% ถ้าเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดครั้งใหม่ เป็น Small Wave สั่งเฝ้าระวังสถานที่เสี่ยงใน 8 จังหวัด เริ่มพบผู้ป่วยที่มารับการรักษาในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันมากขึ้น ดังนั้น กลุ่ม 608 ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ที่เริ่มมีอาการป่วย ทั้งมีไข้ ไอ และ ATK พบเชื้อ ให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโรคโดยเร็ว และแนะนำให้ในช่วงนี้ ผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนงดออกจากบ้าน

ส่วนวัยทำงาน ถ้าไปพื้นที่เสี่ยง อย่างสถานบันเทิง ให้งดใกล้ชิดผู้สูงอายุ และควรพาผู้สูงอายุในบ้าน รวมทั้งเด็กเล็ก เด็กนักเรียน ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ขณะที่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า โควิด-19 แนวโน้มสูงขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ การระบาดในครั้งนี้ จะยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ และหลังจากนั้นก็จะเริ่มลดลง 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรคลดลง ทั้งนี้ เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อ ขณะเดียวกัน มียาที่ใช้รักษาดีขึ้นกว่าในช่วงแรกมาก 

หลักการแล้ว อยากให้คนไทยได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ส่วนใครที่ได้ฉีดมากกว่า 3 เข็มแล้ว ถ้าเข็มสุดท้าย นานเกินกว่า 6 เดือน ภูมิต้านทานที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็ควรไปกระตุ้นอีกครั้งหนึ่ง ดีกว่าปล่อยให้ติดเชื้อ เสี่ยงอาการแทรกซ้อน ได้มากกว่าการฉีดวัคซีน