ส่งสำนวนอัยการ พิจารณาปิดมูลนิธิคุ้มครองเด็ก

เช้านี้ที่หมอชิต - พบเด็ก 30 คนในสถานสงเคราะห์ริมน้ำ ไม่มีบัตรประชาชน เด็กอ้างถูกสั่งห้ามไปทำ ขณะที่ตำรวจเตรียมเพิ่มข้อหา ครูยุ่น หลังเด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ยืนยันถูกบังคับให้ทำงานโดยไม่เต็มใจ

หลังจากช่อง 7HD ได้เปิดเผยคลิปล่าสุดที่ตำรวจดึงออกมาจากกล้องวงจรปิดภายในสถานสงเคราะห์เด็กบ้านริมน้ำของครูยุ่น จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่ามีการลงโทษเด็กทั้งตบ และตี อีกหลายครั้ง ตำรวจ ระบุว่า คลิปที่ปรากฏทำให้ต้องแจ้งข้อหาครูยุ่นเพิ่มเติม แบบต่างกรรมต่างวาระ

จากการสอบสวนเยาวชนทั้ง 54 คนในสถานสงเคราะห์ ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยทีมสหวิชาชีพพบว่าในจำนวนนี้หลายคนระบุชัดไม่ได้เต็มใจที่จะไปทำงาน และการถูกบังคับไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่รีสอร์ต และยังมีอีกหลายสถานที่ ที่ต้องไปทำงาน ซึ่งพฤติการณ์นี้เข้าข่ายบังคับใช้แรงงาน ตามมาตรา 6/1 ซึ่งจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ตำรวจยังได้สอบปากคำผู้ปกครองเด็กอีก 35 คน รวมทั้งคนที่เคยทำงานในมูลนิธิ ผู้อำนวยการโรงเรียน รวบไปถึงเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฏร์ รพ.สต. และ พม.จังหวัด รวมจนถึงขณะนี้ตำรวจได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้วทั้งสิ้น 100 ปาก เหลือพยานปากสำคัญที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีก 3 ปาก

ขณะเดียวกัน ตำรวจยังพบว่าเด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ เกือบ 30 คน ไม่มีบัตรประชาชน ตามที่ควรจะเป็น ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าในระบบทะเบียนราษฏร์ ปรากฏฐานข้อมูลหรือไม่ และเหตุใด เด็ก ๆ จึงไม่มีบัตรประชาชน ทั้งที่ตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าเมื่อมีอายุ 7 ปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร. 14) ต้องทำบัตรประจำตัวประชาชนภายใน 60 วัน หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 100 บาท

ขณะที่เช้าวันนี้ตำรวจได้นำสำนวนการสอบสวน ไปให้อัยการพิจารณา เพื่อดูรายละเอียดของสำนวน และอาจจะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

ด้าน นางสาวณัฐกานต์ โนรี NGO ด้านเด็กและเยาวชน สะท้อนว่าภาพการทำร้ายเด็กที่เกิดขึ้นที่สถานสงเคราะห์ ถือว่าสะเทือนใจมาก แม้จะเป็นการสั่งสอน แต่ในหลักการไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นการกระทำรุนแรงต่อเด็ก ซ้ำซาก และนี่จะเป็นต้นแบบสำคัญในการกำกับดูแลมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการจดทะเบียนมากกว่า 3,000 แห่ง และยังมีที่เป็นแบบเถื่อนอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องดำเนินการจัดระเบียบให้เร็วที่สุด