ปู่ทวดแจ้งจับเหลน ไถเงินซื้อยาเสพติด จุดไฟเผาบ้าน

เช้านี้ที่หมอชิต - พิษภัยจากยาเสพติดทำให้เหลนชายไม่สนใจความปลอดภัยคนในครอบครัว ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ จุดไฟเผาบ้าน ลักขโมยทรัพย์สิน เพราะต้องการเงินไปซื้อยาเสพติดเสพ งานนี้ ปู่ทวดไม่ขอทน ยอมตัดขาดความสัมพันธ์ เข้าแจ้งความให้ตำรวจจับกุมตัวเหลนคนนี้ ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

นี่เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เหตุเกิดช่วงเวลากลางคืนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุ คือ นายนวนพ อายุ 30 ปี เหลนของปู่ทวด อายุ 60 ปี เจ้าของบ้าน ในซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ 13 ถนนเพชรเกษม 102/2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ สาเหตุมาจากเรื่องที่ผู้ก่อเหตุต้องการขอเงินจากคนในบ้าน แต่เมื่อไม่มีใครยอมให้ ก็เกิดความโกรธแค้น นำน้ำมันมาจุดเพลิงเผาถังขยะหน้าบ้าน แล้วบอกว่า "ยังมีน้ำมันอีกมาก หากไม่ยอมให้เงินจะเผาบ้านให้วอดวายทั้งหลัง"

ส่วนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายนวนพ ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าประตูบ้าน ก่อนจะใช้กำลังงัดประตูบ้านขึ้นมา เข้าไปลักขโมยเอาทรัพย์สินมีค่า ก่อนจะกลับไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

เมื่อวานนี้ ปู่ทวดของผู้ก่อเหตุ พร้อม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ตัดสินใจไปเข้าพบ พันตำรวจโท ณภัทร แสนธรรม รองผู้กำกับการสอบสวน สน.หลักสอง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเหลนชายของตนเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมาร้องทุกข์แจ้งความไว้แล้วถึง 6 ครั้ง แต่ตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันไว้

ปู่ทวด เล่าว่า ที่ผ่านมาเหลนชายคนนี้ก่อปัญหาให้ตนและคนในบ้านอยู่บ่อยครั้ง ทั้งทำร้ายร่างกาย ใช้มีดข่มขู่ย่าทวดที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จุดไฟเผาถังขยะหน้าบ้าน และพังประตูรั้วเข้าไปลักขโมยทรัพย์สิน ทั้งหมดนี้เพียงเพราะต้องการเงินไปซื้อยาเสพติด บางครั้งตอนลงมือก็ยังมีสติดี ขณะที่บางครั้งเห็นได้ชัดเจนว่าน่าจะมีอาการเมายาเสพติดด้วย ยิ่งช่วงหลัง ๆ ต้องการเงินจำนวนมากขึ้น จากหลักร้อยเป็นหลักพันบาท ใช้วิธีการรุนแรงขึ้นโดยไม่สนใจว่าคนในบ้านจะได้รับอันตรายหรือไม่

ขณะที่ พันตำรวจโท ณภัทร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตำรวจรับแจ้งความและได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่หลังจากนี้จะนำเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผู้ต้องหาก่อเหตุ มาประมวลพฤติการณ์อีกที เพื่อพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ขณะเดียวกันจะประสานให้ตำรวจสายตรวจ แวะไปตรวจตรา ดูแลความปลอดภัยบ้านหลังดังกล่าวให้บ่อยขึ้น หากพบตัวผู้ต้องหาก็จะนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาทันที